
APR คืออะไร และคำนวณอย่างไร
การถือครองและการกู้ยืมสินทรัพย์คริปโตเป็นหนึ่งในวิธีหลักในการทำกำไรจากคริปโทเคอร์เรนซี ดังนั้นการรู้ว่าการลงทุนของคุณจะสร้างผลตอบแทนได้เท่าไรจึงเป็นเรื่องสำคัญ มีตัวชี้วัด 2 ตัวที่จะช่วยให้คุณคาดการณ์ผลตอบแทนจากการลงทุนได้ คือ Annual Percentage Rate (APR) และ Annual Percentage Yield (APY) แน่นอนว่ามีรายละเอียดที่แตกต่างกันในวิธีการใช้งานของแต่ละตัวชี้วัด และเช่นเดียวกับทุกสิ่งในโลกคริปโต คุณควรทำความเข้าใจให้ชัดเจน มิฉะนั้นคุณอาจพลาดโอกาสที่คุ้มค่า: ผลิตภัณฑ์ที่มี APY สูงกว่าไม่ได้หมายความว่าจะสร้างรายได้มากกว่าผลิตภัณฑ์ที่มี APR ต่ำกว่าเสมอไป และในบางกรณีที่อัตราเท่ากัน คุณจะต้องเปรียบเทียบรายละเอียดเอง แล้วทั้งหมดนี้ทำงานอย่างไร? ควรพิจารณาอะไรบ้าง? และจะไม่สับสนได้อย่างไร? มาดูกันแบบละเอียด!
APR คืออะไร
พูดโดยทั่วไป Annual Percentage Rate (APR) คือ ตัวชี้วัดพื้นฐานในการคำนวณต้นทุนของเงินกู้หรือการลงทุนตลอดระยะเวลา 1 ปี แสดงออกมาในรูปเปอร์เซ็นต์ โดยบ่งบอกจำนวนดอกเบี้ยที่ผู้กู้จ่ายให้ผู้ให้กู้ หรือจำนวนผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับจากการลงทุน
APR คำนวณแบบดอกเบี้ยธรรมดา (simple interest) ต่างจาก “compound” ที่เป็นดอกเบี้ยทบต้น ซึ่งจะใช้ APY เป็นตัววัดแทน แม้ว่า APR จะช่วยให้เข้าใจถึงความคุ้มค่าพื้นฐานของการลงทุน แต่ก็ไม่สามารถสะท้อนภาพรวมที่สมบูรณ์เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนที่มีดอกเบี้ยทบต้น เราจะอธิบายเพิ่มเติมเรื่อง compound interest และการเปรียบเทียบระหว่าง APY และ APR ในภายหลัง แต่ตอนนี้สิ่งสำคัญคือคุณควรเข้าใจความหมายของตัวชี้วัดเหล่านี้สำหรับนักลงทุนคริปโต
APR ในโลกคริปโตคืออะไร
เมื่อคริปโตอินเวสเตอร์นำเงินไปเข้าร่วม staking pool, ปล่อยกู้, หรือทำ liquidity farming/pools พวกเขาในฐานะผู้ให้กู้จะคาดหวังผลตอบแทนตอบแทนกลับมา ผลตอบแทนเหล่านี้มักมาในรูปดอกเบี้ย โดยอัตราดอกเบี้ยต่อปีจะแสดงให้เห็นว่าผู้ให้กู้จะได้กำไรเกินจากเงินลงทุนเดิมเท่าไร
ในวงการคริปโต APR มักถูกใช้เพื่อวัดความคุ้มค่าในการทำธุรกรรมทางการเงิน การเข้าใจ APR จะช่วยให้คุณเปรียบเทียบข้อเสนอการลงทุนและตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลเพื่อเพิ่มกำไรสูงสุด แม้ว่า APR จะดูเข้าใจง่าย แต่การทำความเข้าใจ APY จำเป็นต้องรู้แนวคิดของ compound interest ด้วย พูดง่าย ๆ คือ APR แสดงผลตอบแทนจากการลงทุนโดยคำนึงถึงดอกเบี้ยที่สะสมตามรอบที่กำหนด — ไม่ว่าจะเป็นรายสัปดาห์ รายเดือน หรือรายปี ขึ้นอยู่กับข้อเสนอ ดังนั้น หากข้อเสนอของคุณจ่ายดอกเบี้ยบ่อยกว่ารายปี ยอดเงินก็จะเติบโตขึ้นตลอดปี ในขณะที่ APR ยังคงคงที่
วิธีคำนวณ APR
ข่าวดีก็คือผู้ใช้งานทั่วไปมักไม่จำเป็นต้องคำนวณด้วยตนเอง เพราะตัวเลขเหล่านี้มักถูกระบุไว้ในข้อเสนออยู่แล้ว และคุณยังสามารถใช้เครื่องคิดเลขออนไลน์ช่วยได้ แต่เพื่อความโปร่งใส การเข้าใจวิธีทำงานก็เป็นประโยชน์
สูตรคำนวณ APR ประกอบด้วยอัตราดอกเบี้ยและรวมค่าธรรมเนียมต่าง ๆ (อาจแตกต่างกันไปในแต่ละผลิตภัณฑ์) โดยทั่วไปใช้สูตรดังนี้:
A = [P × (1 + R × T)]
โดยที่:
- A = จำนวนเงินรวมสุดท้าย
- P = เงินต้น หรือจำนวนเงินลงทุน/เงินกู้เริ่มต้น
- R = อัตราดอกเบี้ย
- T = ระยะเวลา (หน่วยเป็นปี)
ส่วน APY จะซับซ้อนกว่านี้ เพราะรวม compound interest โดยจะคำนวณจากทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยที่สะสมก่อนหน้านี้ ยิ่งดอกเบี้ยจ่ายบ่อยเท่าไร ผลรวมก็ยิ่งสะสมมากขึ้น ส่งผลโดยตรงต่อค่า APY
สูตรคำนวณ APY คือ:
APY = (1 + r/n)^(n×t) - 1
โดยที่:
- r = อัตราดอกเบี้ยที่ประกาศ (ในรูปทศนิยม)
- n = จำนวนรอบการจ่ายดอกเบี้ยต่อปี
- t = ระยะเวลา (หน่วยเป็นปี)
ตัวอย่าง: คุณกำลังพิจารณาข้อเสนอ 2 แบบ แบบแรก APR 5% จ่ายดอกเบี้ยรายเดือน อีกแบบ APR 5% จ่ายทุก 6 เดือน คุณจำเป็นต้องคำนวณ APY ของทั้งสองแบบเพื่อเปรียบเทียบว่าอันไหนให้กำไรมากกว่า
- จ่ายรายเดือน: APY = (1 + 0.05/12)^(12×1) - 1 ≈ 5.12%
- จ่ายทุก 6 เดือน: APY = (1 + 0.05/2)^(2×1) - 1 ≈ 5.06%
ในกรณีนี้ แพลตฟอร์มที่จ่ายดอกเบี้ยรายเดือนจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าเล็กน้อยเพราะมีการทบต้นบ่อยกว่า
APR vs APY

สรุปความแตกต่างระหว่าง APR และ APY
การคำนวณดอกเบี้ย
- APR แสดงอัตราดอกเบี้ยรายปี โดยไม่รวมดอกเบี้ยทบต้น
- APY รวมดอกเบี้ยทบต้น ทำให้สะท้อนกำไรจริงได้แม่นยำกว่า
ความซับซ้อน
- APR เป็นตัวชี้วัดที่ง่ายกว่า คำนวณเฉพาะอัตราดอกเบี้ยพื้นฐาน
- APY จะซับซ้อนกว่า เพราะคำนึงถึงทั้งอัตราดอกเบี้ยและความถี่ในการจ่ายดอกเบี้ย
การเปรียบเทียบ
- APR เหมาะสำหรับการเปรียบเทียบการลงทุนที่มีโครงสร้างการจ่ายดอกเบี้ยคล้ายกัน
- APY ช่วยให้เปรียบเทียบการลงทุนที่มีโครงสร้างการทบต้นต่างกันได้อย่างยุติธรรมกว่า
ผลตอบแทนจริง
- APR อาจประเมินผลตอบแทนต่ำเกินจริง หากมีการทบต้นบ่อย
- APY ให้ภาพที่สมจริงมากกว่าของกำไรโดยรวม
ดังนั้นการเลือกใช้ APR หรือ APY จึงขึ้นอยู่กับสถานการณ์:
- Emergency Loans: หากเป็นการกู้คริปโตที่คิดดอกเบี้ยธรรมดา APR จะเหมาะสมที่สุด
- Staking Rewards ที่ไม่มีการ Reinvest: ใช้ APR ในการคำนวณรายได้
- Savings Accounts หรือ Credit Platforms ที่มีการ Reinvest: ใช้ APY เพื่อความแม่นยำ
- Crypto Farming บน DeFi ที่มีการ Reinvest อัตโนมัติ: ใช้ APY จะสะท้อนผลตอบแทนที่แท้จริงที่สุด
เข้าใจมากขึ้นแล้วใช่ไหม? หวังว่าบทความนี้จะช่วยคุณได้ — ถึงเวลานำความรู้ไปใช้จริงแล้ว! และอย่าลืมว่ายังมีอีกหลายบทความในบล็อกของเราเกี่ยวกับปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในโลกคริปโต อย่าพลาดติดตามเพื่อไม่ให้เสียโอกาสลงทุนสำคัญ!
ให้คะแนนบทความ




ความคิดเห็น
0
คุณต้องเข้าสู่ระบบเพื่อโพสต์ความคิดเห็น