รูปแบบขาลงยอดนิยมที่สุดในการเทรด

มีแนวคิดที่แตกต่างกันมากมายในโลกของการเทรดคริปโตที่อาจดูเข้าใจยากในตอนแรก คุณเคยสงสัยไหมว่า “รูปแบบขาลง” (bearish patterns) คืออะไร และทำไมนักเทรดถึงจับตาดูมันอยู่เสมอ? ในบทความนี้ เราจะตอบคำถามเหล่านั้น พร้อมยกตัวอย่างรูปแบบยอดนิยมที่สุดและวิธีการใช้งานจริงในการเทรด

รูปแบบขาลง (Bearish Pattern) ในการเทรดคืออะไร?

รูปแบบขาลงคือ รูปแบบกราฟแท่งเทียน (candlestick pattern) ที่แสดงให้เห็นว่าแรงขายกำลังเพิ่มขึ้น และราคามีแนวโน้มจะกลับตัวลงหรือปรับตัวลงต่อไป รูปแบบเหล่านี้มักเกิดขึ้นหลังจากการปรับขึ้นของราคา และเป็นสัญญาณว่าฝั่งผู้ซื้อกำลังอ่อนแรงลง ขณะที่ผู้ขายเริ่มเข้าควบคุมตลาด

พูดง่าย ๆ รูปแบบขาลงคือ “คำเตือนล่วงหน้า” ว่าราคาอาจร่วงลง ซึ่งช่วยให้นักเทรดรู้ว่าควรขาย เปิดสถานะ short หรือทำกำไร เพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดทุนหากตลาดเริ่มลงจริง

รายการรูปแบบขาลงยอดนิยมที่สุด

ในการเทรดคริปโต มีรูปแบบขาลงมากมายสำหรับใช้วิเคราะห์ตลาด เราได้รวบรวม 5 อันดับแรกที่พบบ่อยที่สุด:

  • รูปแบบกลืนขาลง (Bearish Engulfing);
  • ดาวเย็น (Evening Star);
  • เมฆมืดปกคลุม (Dark Cloud Cover);
  • ดาวตก (Shooting Star);
  • อีกาดำสามตัว (Three Black Crows).

ต่อไปเราจะอธิบายทีละรูปแบบ เพื่อให้คุณเข้าใจความหมายและการใช้งานได้ชัดเจนขึ้น

รูปแบบกลืนขาลง (Bearish Engulfing)

รูปแบบกลืนขาลงคือรูปแบบกลับตัวของแท่งเทียนที่เกิดหลังจากแนวโน้มขาขึ้น แสดงว่าฝั่งผู้ขายเข้าควบคุมตลาดอย่างเต็มที่ รูปแบบนี้ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง: แท่งแรกเป็นแท่งเขียวขนาดเล็ก และแท่งที่สองเป็นแท่งแดงขนาดใหญ่ที่ “กลืน” ลำตัวของแท่งแรกทั้งหมด การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วจากแรงซื้อเป็นแรงขายนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของจิตวิทยาตลาด

Bearish Engulfing

นักเทรดมองว่ารูปแบบกลืนขาลงเป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มขาขึ้นอ่อนแรง และราคามีโอกาสเริ่มปรับลง หลังจากเกิดรูปแบบนี้ หลายคนเริ่มพิจารณาขาย ทำกำไร หรือเปิดสถานะ short

ดาวเย็น (Evening Star)

ดาวเย็นคือรูปแบบกลับตัวขาลงแบบสามแท่งเทียนที่มักเกิดหลังจากแนวโน้มขาขึ้น แสดงว่าแรงซื้อเริ่มอ่อนกำลัง แท่งแรกเป็นแท่งเขียวขนาดใหญ่ ตามด้วยแท่งเล็กที่สะท้อนความไม่แน่นอน และแท่งที่สามเป็นแท่งแดงขนาดใหญ่ที่ปิดต่ำกว่ากึ่งกลางของแท่งแรก ลำดับนี้บอกว่าแรงซื้ออ่อนก่อน จากนั้นตลาดเข้าสู่ช่วงอ่อนแอ และสุดท้ายแรงขายเริ่มชัดเจน

Evening Star

ดาวเย็นถือเป็นสัญญาณว่าราคาอาจกำลังจะกลับตัวลง และยิ่งแข็งแกร่งขึ้นหากเกิดบริเวณแนวต้านหรือมีวอลุ่มเพิ่มขึ้น หลังเกิดรูปแบบนี้ นักเทรดจำนวนมากเตรียมตัวรับการปรับลง เช่น ปิดทำกำไร ลดสถานะ หรือมองหาจังหวะเปิด short

เมฆมืดปกคลุม (Dark Cloud Cover)

เมฆมืดปกคลุมเป็นรูปแบบกลับตัวขาลงแบบสองแท่ง แท่งแรกเป็นแท่งเขียวขนาดใหญ่ และแท่งที่สองเป็นแท่งแดงที่เปิดเหนือราคาปิดก่อนหน้า แต่ปิดต่ำกว่ากึ่งกลางลำตัวของแท่งแรก แสดงว่าตลาดพยายามดันขึ้นต่อ แต่ผู้ขายเข้ายึดอำนาจอย่างรวดเร็วและกดราคาให้ร่วงลง

Dark Cloud Cover

นักเทรดถือว่าเมฆมืดปกคลุมเป็นสัญญาณเตือนการลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังเห็นรูปแบบนี้ จะมีการทำกำไร ลดสถานะ long หรือหาโอกาสเปิด short

ดาวตก (Shooting Star)

ดาวตก (Shooting Star) คือรูปแบบกลับตัวขาลงแบบแท่งเดียว มีลำตัวเล็กอยู่ด้านล่าง และไส้เทียนด้านบนยาวมาก หมายความว่าราคาถูกดันขึ้นแรง แต่สุดท้ายผู้ขายดึงราคากลับลงมาเกือบเท่าราคาเปิด การถูกปฏิเสธอย่างรุนแรงนี้แสดงถึงความอ่อนแอของฝั่งผู้ซื้อและแรงขายที่เพิ่มขึ้น

Shooting Star

สำหรับนักเทรด ดาวตกเป็นสัญญาณว่าราคาอาจกลับตัวลง รูปแบบนี้มีความน่าเชื่อถือสูงขึ้นเมื่อเกิดบริเวณแนวต้านหรือหลังจากราคาเด้งขึ้นแรง นักเทรดมักรอแท่งยืนยันที่ปิดต่ำกว่าลำตัวดาวตก ก่อนจะทำกำไรหรือเปิด short

อีกาดำสามตัว (Three Black Crows)

อีกาดำสามตัวคือรูปแบบกลับตัวขาลงที่แข็งแกร่งมาก ประกอบด้วยแท่งแดงยาว 3 แท่งต่อเนื่องกัน โดยแต่ละแท่งเปิดในลำตัวของแท่งก่อนหน้าและปิดต่ำกว่าเดิม เป็นสัญญาณว่าแรงขายครอบงำตลาดอย่างต่อเนื่อง และผู้ซื้อไม่สามารถดันราคาได้อีกต่อไป ทำให้ตลาดเปลี่ยนทิศลงอย่างชัดเจน

Three Black Crows

รูปแบบนี้มีความน่าเชื่อถือสูงขึ้นเมื่อเกิดหลังจากราคาขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลานานหรืออยู่ในเขตแนวต้านสำคัญ หลังเห็นอีกาดำสามตัว นักเทรดส่วนใหญ่เตรียมรับการลงต่อ เช่น ปิด long เปิด short หรือรอคอนเฟิร์มเพิ่ม

วิธีใช้รูปแบบขาลงในการเทรด

รูปแบบขาลงช่วยให้นักเทรดตีความทิศทางตลาด และใช้ประโยชน์ดังนี้:

  1. หาจุดเข้าออกของการเทรด
    รูปแบบขาลงบอกตำแหน่งที่ราคาอาจหยุดขึ้นและกลับตัวลง หากเกิดใกล้แนวต้าน มักเป็นจุดขายหรือเปิด short ที่ดี

  2. ยืนยันการเริ่มลงจริง
    นักเทรดรอแท่งแดงถัดไปหรือวอลุ่มขายเพิ่ม เพื่อยืนยันว่าฝั่งผู้ขายคุมตลาดจริง

  3. ใช้ในการเปิดสถานะ short
    เมื่อได้รับการยืนยันแนวโน้มขาลง นักเทรดสามารถเปิด short เพื่อทำกำไรจากการลง ยิ่งรูปแบบชัดเจน โอกาสทำกำไรยิ่งสูง

Bearish Patterns

  1. ตั้ง stop loss
    โดยทั่วไป stop จะวางเหนือจุดสูงสุดใกล้เคียง เพื่อจำกัดความเสี่ยงหากตลาดเด้งสวน

  2. ประเมินแนวโน้มหลักของตลาด
    รูปแบบขาลงให้ผลดีที่สุดในตลาดที่แนวโน้มใหญ่เป็นขาลง

  3. ใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์
    เช่น RSI, MACD, หรือ ปริมาณการเทรด (trading volume)
    หากทั้งรูปแบบและอินดิเคเตอร์ชี้ลง สัญญาณจะยิ่งแข็งแรงขึ้น

ดังนั้น รูปแบบขาลงไม่ได้หมายถึงคำสั่ง “ขายเดี๋ยวนี้!” แต่เป็นสัญญาณภาพรวมที่บอกว่าผู้ซื้อกำลังอ่อนแรง ขณะที่ผู้ขายเริ่มมีอำนาจมากขึ้น หากนักเทรดอ่านรูปแบบเหล่านี้เป็นและยืนยันด้วยข้อมูลอื่น ๆ จะสามารถเตรียมรับการลงได้ดีขึ้นและตัดสินใจอย่างมีเหตุผลมากกว่าเดิม

คุณรู้จักรูปแบบขาลงอื่น ๆ ไหม? เคยใช้รูปแบบเหล่านี้หรือเปล่า? ใช้อย่างไรและเมื่อไหร่? มาแลกเปลี่ยนกันได้เลย!

เนื้อหานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลและการศึกษาเท่านั้น และไม่ถือเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือทางกฎหมาย

ให้คะแนนบทความ

โพสต์ก่อนหน้าSolana ราคากำลังพุ่งใกล้ $140 พร้อมสัญญาณของการปรับตัวขึ้นที่ใหญ่ขึ้น
โพสต์ถัดไปแนวโน้มตลาดคริปโตปี 2026: ผู้เชี่ยวชาญพูดว่าอย่างไร?

หากคุณมีคำถาม กรุณาฝากข้อมูลติดต่อไว้ แล้วเราจะติดต่อกลับหาคุณ

banner

ทำให้การเดินทางสู่ Crypto ของคุณง่ายขึ้น

อยากเก็บ ส่ง รับ เดิมพัน หรือซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีใช่ไหม? Cryptomus ทำได้ทุกอย่าง — สมัครและจัดการกองทุนคริปโทเคอร์เรนซีของคุณด้วยเครื่องมืออันแสนสะดวกของเรา

เริ่มต้นใช้งาน

banner

ความคิดเห็น

0