
Crypto Candlestick Charts และรูปแบบสำคัญ
ในโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวนของสกุลเงินดิจิทัล การติดตามแนวโน้มตลาดถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เครื่องมืออย่างกราฟสามารถช่วยคุณได้! หนึ่งในกราฟที่สะดวกและได้รับความนิยมมากที่สุดคือกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) และในบทความนี้ เราจะมาอธิบายวิธีการอ่านกราฟนี้ พร้อมทั้งแบ่งปันแนวทางที่ดีที่สุดในการใช้เพื่อสร้างกำไรสูงสุด
กราฟแท่งเทียนคืออะไร?
กราฟแท่งเทียนของสกุลเงินดิจิทัลเป็นเครื่องมือที่นักเทรดใช้เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของเหรียญภายในช่วงเวลาที่กำหนด กราฟจะแสดงข้อมูลราคาเปิด (Opening), ราคาปิด (Closing), รวมถึงราคาสูงสุดและต่ำสุดในช่วงเวลานั้น ๆ นอกจากนี้ยังสามารถดูการเคลื่อนไหวของราคาใน ระยะสั้นและระยะยาว ได้ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งกับคริปโตที่มี ความผันผวนสูง
กราฟแท่งเทียนช่วยให้นักเทรดสามารถระบุรูปแบบ (Pattern) ต่าง ๆ ที่ใช้ทำนายการกลับตัว (Reversal) หรือการต่อเนื่องของแนวโน้มราคาได้ จึงไม่น่าแปลกใจที่นักเทรดคริปโตส่วนใหญ่เลือกใช้กราฟประเภทนี้ มาลองเจาะลึกโครงสร้างและองค์ประกอบของกราฟแท่งเทียน รวมถึงวิธีตีความกัน
วิธีอ่านกราฟแท่งเทียน
การอ่านกราฟแท่งเทียนอย่างถูกต้องเริ่มจากการเข้าใจโครงสร้าง โดยแกนตั้ง (Vertical axis) แสดงราคา และแกนนอน (Horizontal axis) แสดงช่วงเวลา เช่น หากตั้งค่าเป็นรายวัน แต่ละแท่งเทียนจะแทนข้อมูลของหนึ่งวัน
กราฟประกอบด้วยแท่งสีเขียวและสีแดงที่เรียกว่า "แท่งเทียน" ซึ่งแต่ละสีสะท้อนการเคลื่อนไหวของราคา
- ถ้าราคาเพิ่มขึ้น แท่งเทียนจะเป็นสีเขียว (แนวโน้มขาขึ้น – Bullish) โดยด้านล่างของตัวแท่งคือราคาเปิด และด้านบนคือราคาปิด
- ถ้าราคาลดลง แท่งเทียนจะเป็นสีแดง (แนวโน้มขาลง – Bearish) โดยด้านบนคือราคาเปิด และด้านล่างคือราคาปิด
นอกจากนี้ ยังต้องทำความเข้าใจกับ "ไส้เทียน" หรือเงาของแท่งเทียน ซึ่งเป็นเส้นบาง ๆ ที่ยื่นออกมาจากตัวแท่งด้านบนและด้านล่าง แสดงถึงราคาสูงสุดและต่ำสุดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ๆ ทำให้ได้ภาพรวมที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อขาย
เมื่อคุณเข้าใจโครงสร้างแล้ว ต่อไปเราจะไปดูรูปแบบที่ได้รับความนิยม เช่น Doji, Bullish Engulfing, Bearish Evening Star, Bullish Morning Star และ Harami (ทั้ง Bullish และ Bearish)
รูปแบบ Doji
Doji แสดงถึง "ความไม่แน่นอน" ของตลาด เกิดขึ้นเมื่อราคาเปิดและราคาปิดแทบจะเท่ากัน โดยมีไส้เทียนบนและล่างยาวไม่เท่ากัน ซึ่งหมายความว่าแม้ตลาดจะมีการเคลื่อนไหว แต่ทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขายไม่สามารถครอบงำได้ ทำให้ผลลัพธ์ออกมากลาง ๆ
ลักษณะของ Doji จะคล้ายเครื่องหมายบวกหรือตัวกากบาท นักเทรดมักจะรอดูแท่งถัดไปก่อนจึงค่อยตัดสินใจเปิดสถานะ
รูปแบบ Bullish Engulfing
Bullish Engulfing เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการปรับตัวขึ้นของราคา โดยแท่งเทียนแรกเป็นแท่งสีแดงขนาดเล็ก และถูกกลืนด้วยแท่งสีเขียวขนาดใหญ่ (Engulfing) การเกิดรูปแบบนี้มักหมายถึงแรงซื้อเริ่มกลับมาเหนือกว่าแรงขาย
หากรูปแบบนี้เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง จะเป็นสัญญาณว่าแรงขายกำลังอ่อนลงและราคาอาจกลับทิศขึ้น นักเทรดมักใช้ Bullish Engulfing เพื่อเปิด Long position และหากมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นในช่วงแท่งเขียว จะยิ่งยืนยันว่าผู้ซื้อกำลังควบคุมตลาด
ตรงข้ามกันคือ Bearish Engulfing ซึ่งเป็นสัญญาณกลับตัวขาลง
รูปแบบ Bearish Evening Star และ Bullish Morning Star
-
Bullish Morning Star ประกอบด้วย 3 แท่ง ได้แก่
- แท่งแรกเป็นแท่งแดงยาว แสดงถึงแรงขาย
- แท่งที่สองมีตัวเล็ก แสดงถึงความลังเลของตลาด
- แท่งที่สามเป็นแท่งเขียวยาว เปิด Gap ขึ้นและปิดเหนือกึ่งกลางของแท่งแรก
-
Bearish Evening Star เป็นภาพสะท้อนในทางตรงข้าม มักเกิดขึ้นที่ปลายแนวโน้มขาขึ้น สื่อถึงการกลับตัวลง
แม้รูปแบบนี้จะซับซ้อนกว่า แต่ถือเป็นหนึ่งในสัญญาณสำคัญที่ช่วยนักเทรดตัดสินใจเข้าออกตลาดได้อย่างแม่นยำ
รูปแบบ Bearish Harami และ Bullish Harami
Harami เป็นรูปแบบกลับตัว (Reversal pattern) ที่ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง
- แท่งแรกมีตัวใหญ่
- แท่งที่สองมีตัวเล็ก และอยู่ภายในช่วงของแท่งแรก
คำว่า Harami ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึง "ตั้งครรภ์" ซึ่งเปรียบแท่งเล็กเหมือนอยู่ในท้องของแท่งใหญ่
- Bearish Harami: เกิดที่ปลายแนวโน้มขาขึ้น บ่งชี้ว่าแรงซื้อกำลังอ่อนลงและอาจกลับตัวลง
- Bullish Harami: เกิดที่ปลายแนวโน้มขาลง บ่งชี้ว่าแรงขายเริ่มอ่อนลงและราคามีโอกาสฟื้นตัว
รูปแบบแท่งเทียนเหล่านี้ถือเป็นพื้นฐานและได้รับความนิยมมากที่สุด หากคุณเรียนรู้และนำมาใช้ จะช่วยให้เปิดและปิดสถานะได้ในจังหวะที่เหมาะสมและสร้างกำไรสูงสุด
ติดตาม Cryptomus Blog เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโลกคริปโต!
ให้คะแนนบทความ




ความคิดเห็น
0
คุณต้องเข้าสู่ระบบเพื่อโพสต์ความคิดเห็น