
วิธีใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคในการเทรดคริปโต
ราคาของสกุลเงินดิจิทัลสามารถเปลี่ยนแปลงได้ภายในไม่กี่นาทีหรือวินาที ทำให้ยากต่อการวางแผนการลงทุนหรือการเทรด ด้วยเหตุนี้จึงมีการพัฒนาเครื่องมือเฉพาะ เช่น อินดิเคเตอร์และกราฟ (ที่รวมเรียกว่าเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค) เพื่อช่วยให้สามารถประเมินสถานการณ์ของตลาดในปัจจุบันและคาดการณ์ทิศทางของมันได้ในบทความนี้ เราจะอธิบายรายละเอียดว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคในคริปโตคืออะไร มีองค์ประกอบอะไรบ้าง และยกตัวอย่างการวิเคราะห์ของ Bitcoin เพื่อให้คุณเห็นภาพกระบวนการจริง
การวิเคราะห์ทางเทคนิคคืออะไร?
การวิเคราะห์ทางเทคนิคในตลาดคริปโตเป็นวิธีการประเมินความเปลี่ยนแปลงของราคาในปัจจุบันและอนาคต โดยใช้ข้อมูลตลาดหลายประเภท เป็นเครื่องมือที่นักเทรดใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะการติดตามความเคลื่อนไหวในแต่ละช่วงเวลาถือเป็นกุญแจสำคัญในการเทรดให้ประสบความสำเร็จ
หลักการของการวิเคราะห์ทางเทคนิคเน้นที่ “ราคา” และเชื่อว่ารูปแบบของกราฟมักจะเกิดซ้ำ แทนที่จะเน้นข้อมูลพื้นฐานอย่างเทคโนโลยีเบื้องหลัง กล่าวได้ว่าเป็นการศึกษาจิตวิทยาของตลาดและพฤติกรรมของนักเทรดผ่านกราฟ ดังนั้นพื้นฐานของการวิเคราะห์ทางเทคนิคคือการ อ่านกราฟ และใช้ อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค เพื่อระบุแนวโน้ม ซึ่งช่วยให้นักเทรดสามารถหาจุดเข้าซื้อและขายได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ควรจำไว้ว่าตลาดคริปโตอ่อนไหวต่อข่าวสารและนวัตกรรมอย่างมาก แม้ว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะช่วยคาดการณ์แนวโน้มราคาได้ แต่ก็จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์โดยรวมของตลาดด้วยเช่นกัน
องค์ประกอบของการวิเคราะห์ทางเทคนิค
การวิเคราะห์ทางเทคนิคประกอบด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง ได้แก่:
-
ข้อมูลราคาย้อนหลัง ใช้ดูว่าราคาคริปโตเคลื่อนไหวอย่างไรในช่วงเวลาต่าง ๆ และเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เช่น นักเทรดสังเกตว่า Bitcoin มักมีราคาสูงขึ้นในปีแรกหลังจากการ Halving ส่วนคริปโตอื่น ๆ มักจะขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของ BTC
-
ปริมาณการซื้อขาย อินดิเคเตอร์นี้แสดงให้เห็นว่ามีการซื้อขายสินทรัพย์นั้น ๆ มากน้อยเพียงใดในช่วงเวลา เช่น 24 ชั่วโมง ปริมาณนี้สะท้อนความสามารถในการขายสินทรัพย์โดยไม่กระทบต่อราคา
-
โปรไฟล์ปริมาณ (Volume Profile) อินดิเคเตอร์นี้แสดงปริมาณการซื้อขายที่ระดับราคาต่าง ๆ ไม่ใช่ช่วงเวลา ใช้ร่วมกับคำสั่งซื้อขาย (Order Book) เพื่อระบุบริเวณที่มีความสนใจในการซื้อหรือขายสูง
-
รูปแบบกราฟ หนึ่งในเครื่องมือสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิค ใช้เพื่อวาดหรือวิเคราะห์เส้นแนวโน้มบนกราฟ ช่วยให้มองเห็นทิศทางของราคาที่กำลังขึ้นหรือลง

อินดิเคเตอร์ยอดนิยมในการวิเคราะห์ทางเทคนิค
ต่อไปนี้คือตัวชี้วัดที่นักเทรดนิยมใช้เพื่อระบุแนวโน้ม และใช้ประกอบการตัดสินใจในการเทรด:
-
Relative Strength Index (RSI) วัดแรงโมเมนตัมของราคา โดยเปรียบเทียบกำไรและขาดทุนล่าสุด ค่า RSI มากกว่า 70 แสดงถึงภาวะ “ซื้อมากเกินไป” ซึ่งอาจเกิดการปรับฐาน ส่วนค่าน้อยกว่า 30 แสดงถึง “ขายมากเกินไป” ซึ่งอาจเกิดการฟื้นตัว
-
Moving Average Convergence Divergence (MACD) อินดิเคเตอร์นี้ช่วยลดสัญญาณรบกวนของราคาและแสดงแนวโน้ม เช่น MACD ช่วง 50 วันและ 200 วันมักใช้ระบุภาวะกระทิงหรือหมีของตลาด
-
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (EMA) คล้ายกับ MACD แต่ให้ความสำคัญกับข้อมูลล่าสุดมากกว่า มักใช้ช่วงสั้น ๆ เช่น 9 วัน หรือ 21 วัน เพื่อหาสัญญาณรวดเร็ว
-
ระดับแนวรับและแนวต้าน เครื่องมือช่วยให้นักเทรดเห็นบริเวณที่ “ปลอดภัย” สำหรับการถือครองหรือตัดสินใจเข้าออกตลาด
-
Bollinger Bands แสดงความผันผวนของราคาโดยมีแถบบนและล่างจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ หากราคาแตะแถบบนแสดงถึงการซื้อมากเกินไป ส่วนแตะแถบล่างแสดงถึงการขายมากเกินไป
-
Fibonacci Retracement ใช้หาแนวโน้มการกลับตัวระหว่างการปรับฐานของราคา โดยระดับยอดนิยมคือ 38.2%, 50%, และ 61.8% เหมาะสำหรับหาจุดซื้อเมื่อราคาลดลง หรือจุดขายเมื่อราคาสูงขึ้น
-
Stochastic Oscillator อินดิเคเตอร์วัดโมเมนตัม โดยเปรียบเทียบราคาปิดกับช่วงราคาก่อนหน้า ค่าเหนือ 80 คือซื้อมากเกินไป ต่ำกว่า 20 คือขายมากเกินไป
ตัวอย่างการวิเคราะห์ทางเทคนิคของ Bitcoin
เราจะพาคุณดูตัวอย่างจริงของการวิเคราะห์ทางเทคนิคโดยใช้ Bitcoin ณ วันที่ 29 กันยายน 2025 ซึ่ง BTC มีราคาอยู่ที่ $111,590
-
ขั้นตอนที่ 1: แนวโน้มราคาและปริมาณการซื้อขาย ราคา BTC ลดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยมีปริมาณซื้อขายสูง แสดงถึงแรงขาย (bearish) สูง แต่การเพิ่มขึ้นของราคาก่อนหน้านั้นในหลายกระดานเทรดไม่ได้มีปริมาณรองรับมากนัก แสดงว่าการเคลื่อนไหวอาจเกิดจากความผันผวนมากกว่าการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม
-
ขั้นตอนที่ 2: Relative Strength Index (RSI) RSI ของ Bitcoin อยู่ที่ 43.5 ซึ่งถือว่าอยู่ในโซนกลาง ไม่แสดงสัญญาณโมเมนตัมที่แข็งแรง เป็นกลางและยังไม่ชัดเจนว่าควรซื้อหรือขาย
-
ขั้นตอนที่ 3: Moving Average Convergence Divergence (MACD) ค่า MACD ของ Bitcoin อยู่ที่ 480.40 ซึ่งเป็นบวก แสดงให้เห็นแรงซื้อจากฝั่งกระทิง (bullish) แม้ว่าแรงจะไม่มากหรืออาจถูกต้านไว้
-
ขั้นตอนที่ 4: ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (EMA) ราคาปัจจุบันของ BTC ต่ำกว่า EMA 20 วัน บ่งชี้ถึงความอ่อนแอในระยะสั้นหรือกลาง แต่หากดู MA 200 วัน ราคาอยู่เหนือเส้นนี้ แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้นระยะยาว
-
ขั้นตอนที่ 5: ระดับแนวรับและแนวต้าน แนวรับของ BTC อยู่ที่ $107,000 ใกล้ระดับต่ำสุดที่ผ่านมา ส่วนแนวต้านอยู่ระหว่าง $117,000 ถึง $123,000 ใกล้ระดับสูงสุดก่อนหน้า หากราคาหลุดต่ำกว่า $107,000 จะเป็นเขตอันตราย แต่หากทะลุ $117,000 ขึ้นไปจะเข้าสู่ภาวะกระทิง
จากขั้นตอนทั้งหมดนี้ ราคา BTC อาจเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง $107,000 ถึง $117,000 สักระยะหนึ่ง โดยมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นในระยะยาว แม้จะแรงไม่มากก็ตาม ณ วันที่ 1 ตุลาคม ราคาของ BTC อยู่ที่ประมาณ $116,200 ซึ่งสอดคล้องกับการวิเคราะห์ว่ากระแสขาขึ้นกำลังครอบงำตลาด
หากต้องการยืนยันหรือปฏิเสธสมมติฐานดังกล่าว ควรทำการวิเคราะห์ในลักษณะนี้ทุกวัน พร้อมพิจารณาสภาพตลาดโดยรวม
การวิเคราะห์ทางเทคนิค เป็นวิธีการที่ครอบคลุมในการคาดการณ์ราคาสินทรัพย์และช่วยให้การเทรดประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์จะเกิดขึ้นได้ด้วยการฝึกฝน ดังนั้นหากคุณเพิ่งเริ่มต้น ขอให้ลองวิเคราะห์ด้วยตนเองเป็นการฝึกฝน และหากคุณมีคำถามเพิ่มเติม สามารถถามในช่องคอมเมนต์ได้เสมอ
ให้คะแนนบทความ




ความคิดเห็น
0
คุณต้องเข้าสู่ระบบเพื่อโพสต์ความคิดเห็น