คริปโตจ่ายเงินปันผลทำงานอย่างไร?

แนวคิดของ “เงินปันผลคริปโต” (crypto dividends) กลายเป็นประเด็นที่สำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเครือข่ายบล็อกเชนพัฒนาไปไกลกว่าการทำธุรกรรมแบบพื้นฐาน ด้วยการเติบโตของการสเตกกิ้ง (staking), การให้กู้ยืม (lending) และโปรโตคอลสภาพคล่อง (liquidity protocols) นักลงทุนสามารถสร้างรายได้แบบพาสซีฟที่คล้ายกับเงินปันผลแบบดั้งเดิม — แต่ผ่านกลไกที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง บทความนี้อธิบายว่าคริปโตเคอร์เรนซีสามารถสร้างเงินปันผลได้อย่างไร วิธีการสร้างรายได้ที่พบบ่อยที่สุด และสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนเริ่มต้น

วิธีรับเงินปันผลจากคริปโตเคอร์เรนซี

แตกต่างจากเงินปันผลแบบดั้งเดิมที่จ่ายจากกำไรของบริษัท รางวัลจากคริปโต (เช่น ผลตอบแทนของ ETH, TRX หรือ USDT) มักมาจากกลไกรายได้พาสซีฟภายในเครือข่ายบล็อกเชน ซึ่งรวมถึง:

• การสเตกกิ้ง (Staking);
• การขุด (Mining);
• การให้กู้ยืมคริปโต (Crypto lending);
• ฟาร์มสภาพคล่อง (Liquidity farming).

ด้านล่างนี้คือวิธีหลักในการสร้างรายได้แบบพาสซีฟในโลกคริปโต ซึ่งจะมีอธิบายอย่างละเอียดในหัวข้อต่อไปนี้

1. การสเตกกิ้ง (Staking)

การสเตกกิ้ง คือการล็อกเหรียญคริปโตจำนวนหนึ่งไว้ในเครือข่ายที่ใช้ กลไกฉันทามติ Proof-of-Stake (PoS) เพื่อตรวจสอบธุรกรรมและรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย ผู้เข้าร่วมจะได้รับรางวัลตอบแทน โดยรางวัลจะถูกแจกจ่ายเป็นระยะ คล้ายกับเงินปันผล

สำหรับผู้ที่ต้องการวิธีสเตกกิ้งที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ Cryptomus มีระบบสเตกกิ้งที่ใช้งานง่าย ช่วยให้ผู้ใช้รับรางวัลได้โดยไม่ต้องตั้งค่าทางเทคนิคที่ยุ่งยาก

2. การขุด (Mining)

แม้ว่า การขุด จะไม่ใช่รูปแบบของเงินปันผลโดยตรง — เพราะต้องใช้ฮาร์ดแวร์ ไฟฟ้า และการบำรุงรักษา — แต่ก็ยังถือเป็นวิธีหนึ่งในการสร้างรายได้คริปโตแบบพาสซีฟ สำหรับผู้ใช้จำนวนมาก การขุดเป็นแหล่งรายได้เพิ่มเติมควบคู่กับวิธีทำกำไรอื่น ๆ

การขุดใช้ในเครือข่าย Proof-of-Work (PoW) เช่น Bitcoin (BTC) และ Litecoin (LTC) โดยผู้ขุดจะตรวจสอบธุรกรรมและรักษาความปลอดภัยของบล็อกเชนเพื่อแลกกับเหรียญใหม่ที่ถูกสร้างขึ้น

แม้ว่าระบบขุดแบบดั้งเดิมต้องใช้เครื่อง ASIC แต่ไม่ใช่ทุกเหรียญที่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ราคาแพง ตัวอย่างเช่น Monero (XMR) สามารถขุดได้ด้วยคอมพิวเตอร์แบบทั่วไป และในบางกรณี การขุดยังสามารถทำได้ บนสมาร์ทโฟน แม้ว่าโดยทั่วไปจะไม่มีประสิทธิภาพเพราะพลังประมวลผลจำกัดและเสี่ยงต่อความร้อนสูงเกินไป

3. การให้กู้ยืมคริปโต (Crypto Lending)

การให้กู้ยืมคริปโตช่วยให้นักลงทุนปล่อยสินทรัพย์ดิจิทัลให้ผู้กู้ยืม โดยได้รับดอกเบี้ยตอบแทน แพลตฟอร์มอย่าง Aave, Compound และ Celsius อำนวยความสะดวกกระบวนการนี้ ทำให้นักลงทุนสร้างรายได้พาสซีฟโดยไม่ต้องจัดการสินทรัพย์ด้วยตนเอง อัตราดอกเบี้ยมีความผันผวนแต่โดยมากสูงกว่าธนาคารทั่วไป

4. ฟาร์มสภาพคล่อง (Yield Farming)

Yield Farming คือการให้สภาพคล่องแก่โปรโตคอล DeFi เช่น Uniswap หรือ PancakeSwap โดยนักลงทุนฝากเงินลงในพูลสภาพคล่องเพื่อรับค่าธรรมเนียมธุรกรรมและโทเค็นรางวัล วิธีนี้สร้างผลตอบแทนสูงได้ แต่ก็มีความเสี่ยง เช่น impermanent loss และความผันผวนของตลาด

กลยุทธ์แต่ละแบบมีระดับความเสี่ยงและรางวัลที่ต่างกัน การเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้

คริปโตที่ให้รางวัลผ่านการสเตกกิ้ง (Staking)

การสเตกกิ้งเป็นวิธีที่นิยมมากในการสร้างรายได้พาสซีฟด้วยคริปโต ผู้ที่ร่วมสเตกกิ้งจะช่วยรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายและได้รับรางวัลตอบแทน แต่ละเครือข่ายมีเงื่อนไขต่างกัน แต่หลักการเหมือนกัน: ยิ่งสเตกมาก ผลตอบแทนที่เป็นไปได้ก็ยิ่งมาก

คริปโตยอดนิยมสำหรับการสเตกกิ้ง ได้แก่:

• Ethereum (ETH) หลังจากการเปลี่ยนเป็น Ethereum 2.0 การสเตกกิ้งเป็นส่วนสำคัญของการรักษาความปลอดภัยเครือข่าย APY: 4%-6%.

• Polkadot (DOT) เครือข่ายที่รองรับการเชื่อมต่อข้ามเชน APY: 10%-12%.

• Tezos (XTZ) บล็อกเชนแบบปรับปรุงตัวเองได้ มีเกณฑ์การเข้าร่วมต่ำ APY: 2%-5%.

• Tron (TRX) ให้ผลตอบแทนสูงและธุรกรรมรวดเร็ว บน Cryptomus สามารถทำกำไรได้สูงถึง 20% ต่อปี

• Binance Coin (BNB) ใช้ในระบบนิเวศ Binance APY: 7%-8%.

• USDT ให้ผลตอบแทนคงที่โดยไม่มีความเสี่ยงจากความผันผวน APY: 3%.

• Cosmos (ATOM) เน้นการเชื่อมต่อระหว่างบล็อกเชน APY: 7%-10%.

• Avalanche (AVAX) เน้นความเร็วและการขยายตัว APY: 4%-7%.

• Algorand (ALGO) บล็อกเชนที่มีประสิทธิภาพสูง APY: 4%-5%.

• Bitcoin Minetrix ผลตอบแทนสูงมากแต่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น APY: 50%-150%.

คริปโตเคอร์เรนซีที่ขุดได้ (Mineable Cryptocurrencies)

การขุดยังคงเป็นวิธีพื้นฐานในการรับคริปโต โดยผู้ขุดต้องแก้ปริศนาทางคณิตศาสตร์เพื่อยืนยันธุรกรรมและสร้างบล็อกใหม่ อุปกรณ์ที่ต้องใช้จะแตกต่างกันไปในแต่ละเหรียญ เช่น ASIC หรือ GPU

คริปโตยอดนิยมที่สามารถขุดได้ ได้แก่:

• Bitcoin (BTC) ใช้อัลกอริทึม SHA-256 ต้องใช้เครื่อง ASIC

• Litecoin (LTC) ใช้อัลกอริทึม Scrypt คู่มือการขุด Litecoin

• Dogecoin (DOGE) ใช้ Scrypt เช่นเดียวกับ Litecoin สามารถขุดแบบ merged mining ได้ คู่มือการขุด DOGE

• Zcash (ZEC) เน้นความเป็นส่วนตัว ใช้ zk-SNARKs สามารถขุดด้วย GPU

การให้กู้ยืม (Lending)

แพลตฟอร์มอย่าง Aave, Compound และ Celsius ช่วยให้ผู้ใช้ปล่อยยืมสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อรับดอกเบี้ย แต่ต้องระวังความเสี่ยง เช่น ช่องโหว่ของสมาร์ตคอนแทรกต์ และการผิดนัดชำระหนี้

การขุดสภาพคล่อง (Liquidity Mining)

การขุดสภาพคล่องคือการให้เงินทุนกับ DEX (กระดานเทรดแบบกระจายศูนย์) หรือโปรโตคอลกู้ยืม เพื่อตอบแทนด้วยค่าธรรมเนียมธุรกรรมและโทเค็น

Uniswap, PancakeSwap และ Curve Finance เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยม

อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนสูงก็มีความเสี่ยงสูง เช่น

• impermanent loss
• ความผันผวนของตลาด
• ช่องโหว่สมาร์ตคอนแทรกต์

กลยุทธ์เหล่านี้มีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกัน การเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของนักลงทุน แม้ว่าคริปโตจะไม่ได้จ่ายเงินปันผลแบบดั้งเดิม แต่ก็มีโอกาสสร้างรายได้พาสซีฟที่หลากหลาย

การทำความเข้าใจความเสี่ยงและต้นทุนแฝงของรายได้คริปโต

รายได้แบบพาสซีฟจากคริปโตอาจดูเหมือนง่าย — เพราะเหรียญทำงานแทนเรา แต่ยังมีความเสี่ยงที่ต้องคำนึงถึง:

• ความผันผวนของตลาด: APY 10% ไม่มีความหมายหากราคาเหรียญลดลง 30%
• ความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์ม: ต้องเลือกแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและตรวจสอบได้
• ช่องโหว่สมาร์ตคอนแทรกต์: อาจถูกแฮ็กได้
• ภาษี: ในหลายประเทศ รางวัลจาก staking และ lending ถือเป็นรายได้ที่ต้องเสียภาษี

การเข้าใจสิ่งเหล่านี้ทำให้คุณสามารถสร้างรายได้คริปโตได้อย่างยั่งยืนและปลอดภัยมากขึ้น

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Bitcoin มีการจ่ายเงินปันผลไหม?

ไม่มี แต่ผู้ถือ BTC สามารถทำกำไรจากการให้กู้ยืมหรือเข้าร่วมสภาพคล่องได้ การขุดก็ให้รางวัลคล้ายเงินปันผล แต่มีต้นทุนสูง

Ethereum มีการจ่ายเงินปันผลไหม?

หลังจากเปลี่ยนไปใช้ PoS ผู้ถือ ETH สามารถ stake เพื่อรับรางวัลได้เป็นประจำ

Solana มีการจ่ายเงินปันผลไหม?

ไม่มี แต่ผู้ถือ SOL สามารถมอบหมาย (delegate) เหรียญให้ validator และรับส่วนแบ่งรางวัลได้

XRP มีการจ่ายเงินปันผลไหม?

ไม่มี XRP ไม่ใช้ PoS หรือ PoW แต่บางแพลตฟอร์มแบบศูนย์กลางเสนอผลตอบแทนสำหรับการฝาก XRP

ดังนั้น แม้ว่าคริปโตจะไม่มีเงินปันผลแบบหุ้น แต่มีหลายวิธีสร้างรายได้พาสซีฟ — ตั้งแต่ staking, lending, yield farming ไปจนถึง mining

เมื่อระบบนิเวศบล็อกเชนเติบโตขึ้น วิธีเหล่านี้จะมีความน่าเชื่อถือและใช้งานง่ายมากขึ้น หากเข้าใจทั้งศักยภาพและความเสี่ยง นักลงทุนสามารถสร้างพอร์ตคริปโตที่มีรายได้สม่ำเสมอได้ ขอบคุณที่อ่านจนจบ!