
Bull Run ในโลกคริปโตคืออะไร
หนึ่งในเหตุการณ์ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดของคริปโตอย่างไม่ต้องสงสัยคือ Bull run นักลงทุนและเทรดเดอร์ตั้งตารอช่วงเวลาเหล่านี้ เพราะมักมาพร้อมกับกำไรที่โดดเด่น แต่จริง ๆ แล้วมันคืออะไร?
คู่มือนี้จะอธิบายแนวคิดของ Crypto bull run เราจะเคลียร์ความหมาย ยกตัวอย่างเหตุการณ์ในอดีต และพูดถึงความเสี่ยง
ความหมายของ Bull Market ในคริปโต
การเข้าใจ Bull market เริ่มต้นแบบเดียวกับการเรียนรู้ Bear market Bull market สื่อถึงราคาที่กำลังเพิ่มขึ้นและนักลงทุนที่มองบวก ในขณะที่ Bear market บ่งชี้ถึงราคาที่ลดลงและเซนติเมนต์เชิงลบ
Crypto bull run คือช่วงเวลาที่ราคาของสกุลเงินดิจิทัลส่วนใหญ่ปรับขึ้น โดยขับเคลื่อนด้วยเซนติเมนต์เชิงบวกและกิจกรรมการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น ความคึกคักดึงผู้เล่นใหม่เข้ามาเสริมแรงโมเมนตัม ผลักดันราคาสินทรัพย์ให้สูงขึ้นไปอีก
ภาพรวมเหตุการณ์ Bull run ในคริปโต (Historical Overview)
Bull market ขนาดใหญ่ได้กำหนดทิศทางของคริปโตหลายครั้ง ทำให้ราคาพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ก่อนจะตามมาด้วยการปรับฐาน
ปี 2013 Bitcoin พบ Bull run ครั้งสำคัญครั้งแรก จาก $13 กระโดดไปมากกว่า $1,000 ภายใน 12 เดือน การพุ่งขึ้นครั้งนี้เรียกความสนใจจากทั่วโลก อย่างไรก็ดี ไม่นานหลังจากนั้นตลาดก็ปรับฐานและเข้าสู่ช่วงขาลงยาวนานราว 2 ปี
ปี 2017 เกิด Bull run แรงอีกรอบ จากกระแสสื่อและการบูมของ ICOs Bitcoin เปิดปีแถว $1,000 และเข้าใกล้ $20,000 ในเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้นราว 20 เท่า แต่ความคึกคักจางหายอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดภาวะตลาดร่วงต้นปี 2018 และเข้าสู่ Bear market ยืดเยื้อ
Bull run ล่าสุดเริ่มในปี 2020 ต่อเนื่องถึง 2021 จุดติดจากความสนใจระดับสถาบันที่เพิ่มขึ้น ความไม่แน่นอนจาก COVID และการเกิดขึ้นของ DeFi และ NFTs Bitcoin เปิดปี 2020 ราว $7,000 และขึ้นถึง $69,000 ในเดือนพฤศจิกายน 2021 เพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่า หลังจากนั้นตลาดอ่อนตัวลงในปี 2022
วงจรชีวิตของ Bull run
Bull run ไม่ได้เกิดขึ้นฉับพลัน แต่ค่อย ๆ พัฒนาและมักผ่านหลายช่วงสำคัญ:
- Accumulation: ช่วงหลัง Bear market เมื่อราคาลงทำจุดต่ำ นักลงทุนที่รู้ทันเริ่ม “ทยอยสะสม” ที่ราคาถูก แม้บรรยากาศโดยรวมยังมองลบ
- Awareness: ราคาขยับขึ้น เริ่มดึงนักลงทุนเพิ่ม มีข่าวครึกโครมและความเชื่อมั่นมากขึ้น
- Mania: ตลาดขึ้นสู่จุดสูง ราคาพุ่งแรง ความตื่นเต้นทวีคูณ FOMO ดึงคนเข้ามาเพิ่ม ดันราคาสินทรัพย์และการเก็งกำไร
- Profit-Taking: เมื่อราคาใกล้จุดพีก นักลงทุนกลุ่มแรก ๆ เริ่มทำกำไร จบ Bull run และกระตุ้นให้ตลาดปรับฐาน/ย่อแรง
- Correction: หลัง Bull run ราคามักถอยลง ซึ่งอาจนำไปสู่ Bear market ที่ยาวนานก่อนวงจรจะเริ่มใหม่
- Re-Accumulation: หลังการปรับฐาน ราคามักทรงตัวและเริ่มไต่ขึ้นอีกครั้ง เมื่อนักลงทุนกลับมาสะสมสินทรัพย์ดิจิทัลที่ราคาต่ำ
โดยทั่วไป Bull run ในตลาดคริปโตมักกินเวลาประมาณ 12–18 เดือน แม้ระยะเวลาจริงอาจต่างกันไปในแต่ละรอบ แต่ละเฟสดำเนินไปไม่เท่ากัน ขึ้นกับปัจจัยมากมาย

Bull run รอบต่อไปจะมาเมื่อไหร่?
ตลาดกระทิงของคริปโตมัก “สอดคล้อง” กับ Bitcoin Halving ซึ่งเกิดทุก 4 ปี Halving ลดรางวัลขุดและลดอุปทาน BTC โดยรวม หากดีมานด์ยังแข็งแรง ก็มักส่งผลให้ราคาปรับขึ้น
การระบุเวลาที่ “เป๊ะ” ของ Bull run ถัดไปทำได้ยากและมักอิงการคาดการณ์ อย่างไรก็ดี มีหลายปัจจัยที่อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้น ได้แก่:
- Regulatory Developments: กรอบกติกาที่ชัดเจนขึ้นและนโยบายสนับสนุน ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและอาจขับเคลื่อน Bull run
- Institutional Adoption: เงินจาก hedge funds และกองทุนบำเหน็จบำนาญที่ไหลสู่คริปโตมากขึ้น สามารถผลักดันราคา
- Tech Advancements: การปรับสเกลที่ดีขึ้นและแอปพลิเคชันใหม่ ๆ ดึงนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามา กระตุ้น Bull run
- Macroeconomic Factors: อัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อกำหนดอารมณ์ตลาด และส่งผลต่อทิศทางคริปโต
ณ ตอนนี้ เรายังไม่อยู่ใน “Bull run ชัดเจน” แม้จะมีช่วงราคาดีดจาก $25,000 ไป $68,000 ระหว่างปลายปี 2023 ถึงมีนาคม 2024 หลังจากนั้นราคาทรงตัว สะท้อนช่วงสะสมกำลัง (consolidation) อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อยคาดว่า Bitcoin อาจพุ่งในอนาคตอันใกล้ โดยชี้ว่า หาก Trump ชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ อาจหนุนราคาของ BTC และตลาดโดยรวม
ความเสี่ยงและโอกาสของ Bull market
แม้ Bull market จะเปิดโอกาสทำกำไรอย่างเยี่ยม แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงที่ต้องรับมือเช่นกัน โอกาส ได้แก่:
- Profit: สำหรับนักลงทุน/เทรดเดอร์ที่เข้าก่อน ตลาดกระทิงสามารถสร้างผลตอบแทนที่มาก
- Innovation: การแสวงหาโอกาสเติบโตของนักลงทุน มักเร่งนวัตกรรมในวงการคริปโต ก่อให้เกิดโปรเจกต์ เหรียญ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ
- Mainstream Adoption: Bull run ดึงความสนใจจากแมส เพิ่มผู้เล่นใหม่ และเร่งการยอมรับคริปโตกับบล็อกเชน
ความเสี่ยง ประกอบด้วย:
- Volatility: ผู้ที่เข้าซื้อช่วง Mania ใกล้จุดพีกมักเผชิญการขาดทุนหนัก เมื่อเกิดการปรับฐานหรือร่วงแรงหลัง Bull run
- FOMO และการเก็งกำไร: FOMO อาจผลักให้นักลงทุนหน้าใหม่เข้าซื้อโปรเจกต์เสี่ยงที่ยังไม่เข้าใจดี พอตลาดย่อก็ขาดทุน
- Regulatory Risks: การจับตาจากหน่วยงานกำกับที่เข้มขึ้น อาจนำไปสู่กฎหมายหรือข้อจำกัดใหม่ที่กดราคาลงแบบฉับพลัน
เมื่อคุณเห็นศักยภาพด้านกำไรของ Crypto bull run แล้ว ก็อย่าลืมความเสี่ยงที่มากับมันเช่นกัน เข้าสู่ตลาดคริปโตด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจนและความระมัดระวังที่พอดี เพื่อจะรับมือได้อย่างมั่นใจ
หวังว่าคู่มือนี้จะเป็นประโยชน์ ฝากข้อเสนอแนะและคำถามไว้ด้านล่างได้เลย!
ให้คะแนนบทความ




ความคิดเห็น
0
คุณต้องเข้าสู่ระบบเพื่อโพสต์ความคิดเห็น