Falling Wedge และ Rising Wedge คืออะไรในการเทรด

ท่ามกลาง chart patterns ทั้งหมดในการเทรด แพทเทิร์นเวดจ์ (wedge pattern) ถือเป็นรูปแบบที่มองเห็นได้ง่ายที่สุดแบบหนึ่ง ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? ก็เพราะมันมีหน้าตาตามชื่อเลย — กราฟที่มีรูปทรงเหมือนกรวย ด้านหนึ่งกว้างแล้วค่อย ๆ แคบลงอีกด้านหนึ่ง ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกทั้ง Falling Wedge และ Rising Wedge วิธีสังเกต และวิธีนำไปใช้ในการเทรด มาดูกันเลย!

Falling Wedge Pattern คืออะไร?

Falling Wedge คือแพทเทิร์นบนกราฟแบบขาขึ้น (bullish chart pattern) ที่เกิดขึ้นตอนราคายังคงไหลลงต่อเนื่อง แต่โมเมนตัมขาลงเริ่มอ่อนแรงลง คุณจะสังเกตได้ว่าทั้งจุดสูง (high) และจุดต่ำ (low) ใหม่ ๆ ต่ำลงเรื่อย ๆ แต่ระยะห่างระหว่างกันค่อย ๆ แคบลง เส้นแนวโน้มสองเส้นบนกราฟเริ่มบีบเข้าหากัน โดยทั่วไปแล้วสิ่งนี้มักบอกว่าแรงขายเริ่มหมด และฝั่งซื้อกำลังค่อย ๆ เข้ามารับ เมื่อราคา breakout ขึ้นเหนือเส้นด้านบน ก็มักเป็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่

Rising Wedge Pattern คืออะไร?

Rising Wedge คือแพทเทิร์นขาลง (bearish pattern) ที่มักปรากฏตอนราคากำลังไต่ขึ้น แต่โมเมนตัมเริ่มแผ่ว ทั้งจุดสูงและจุดต่ำยังคงสูงขึ้น แต่ค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้กัน เกิดเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมแคบ ๆ ชี้ขึ้น สิ่งนี้บอกว่าฝั่งซื้อเริ่มอ่อนแรง ขณะที่ฝั่งขายกำลังแข็งแรงขึ้น เมื่อราคาเบรกลงต่ำกว่าเส้นล่าง มักตามมาด้วยแนวโน้มขาลง

วิธีสังเกตแพทเทิร์นเหล่านี้

ถ้าจะหา Falling Wedge ให้มองหาช่วงขาลงที่เหมือน “เริ่มหมดแรง” ราคายังคงทำจุดสูงใหม่ที่ต่ำลง และจุดต่ำใหม่ที่ต่ำลงเช่นกัน แต่ทั้งสองขยับเข้าใกล้กันเรื่อย ๆ กลายเป็นรูปกรวยชี้ลง นั่นแหละคือ Falling Wedge ของคุณ

ส่วน Rising Wedge ให้คิดกลับกัน ราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แต่แรงเริ่มไม่พอ จุดสูงใหม่แทบจะไม่พุ่งขึ้นไปมากนัก ส่วนจุดต่ำเริ่มไล่ตามขึ้นมา ทำให้กรอบแคบลงเรื่อย ๆ กลายเป็นปลายแหลมชี้ขึ้น เหมือนตลาดกำลังลังเล — และบ่อยครั้งความลังเลนี้ก็คือสัญญาณว่าการกลับตัวกำลังจะมา

ในเชิงภาพรวมจะประมาณนี้:

Pattern graph

วิธีใช้แพทเทิร์นเหล่านี้ในการเทรด

เทรดเดอร์ใช้ Falling Wedge และ Rising Wedge เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมตลาดและหาโอกาสทำกำไร หลัก ๆ แล้วแพทเทิร์นเหล่านี้ช่วยในเรื่องต่อไปนี้:

  1. กำหนดจุดเข้าออเดอร์ (Entry Point)
    ใน Falling Wedge เงื่อนไขคือ “ควรซื้อหลังจากราคา breakout ขึ้น” ส่วน Rising Wedge คือ “ควรขาย (หรือเปิดชอร์ต) หลังจากราคา breakout ลง” แนวคิดนี้ช่วยหลีกเลี่ยงการเข้าออเดอร์ก่อนเวลาอันควร และทำให้คุณเทรดตามทิศทางที่ได้รับการยืนยันแล้ว

  2. ตั้งจุด Stop Loss
    เพราะเวดจ์จะค่อย ๆ แคบลงจนใกล้ปลายสุด ทำให้สามารถตั้ง stop loss ได้ใกล้ระดับ breakout ช่วยจำกัดความเสี่ยงได้ดี

    • หากเป็น Falling Wedge ให้ตั้ง stop loss ไว้ต่ำกว่าเส้นล่างเล็กน้อย
    • หากเป็น Rising Wedge ให้ตั้ง stop loss ไว้เหนือเส้นบนเล็กน้อย
      วิธีนี้ช่วยปกป้องเงินทุนแม้สัญญาณจะไม่สำเร็จ และช่วยให้ risk/reward ratio ดีขึ้น
  3. ประเมินศักยภาพการเคลื่อนไหวของราคา
    ความสูงของเวดจ์ — ระยะห่างระหว่างจุดที่กว้างที่สุดของรูปแบบ — มักใช้ประมาณ “ระยะการวิ่งของราคา” หลัง breakout ถ้าเวดจ์สูง ระยะการเคลื่อนไหวที่ตามมาก็มักจะมากตามไปด้วย

  4. คาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาด
    แพทเทิร์นเวดจ์ช่วยให้เข้าใจได้ว่าตลาดกำลัง “เหนื่อย” หรือไม่

    • Falling Wedge มักบอกว่าขาลงกำลังใกล้จบ และอาจมีการเด้งกลับขึ้นมา
    • Rising Wedge บอกว่าขาขึ้นเริ่มหมดแรง และราคาอาจใกล้ถึงจุดปรับฐานลง

    ในทั้งสองกรณี เวดจ์ช่วยให้มองเห็นจังหวะเข้าออเดอร์ที่ดี โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดกำลังจะเปลี่ยนทิศหรือพักตัว

Wedges

ข้อดีและข้อเสียของ Falling และ Rising Wedge

เพื่อความสะดวก เราได้สรุปข้อดีและข้อเสียของแพทเทิร์นเหล่านี้ไว้ในตารางเดียว:

ข้อดีข้อเสีย
ช่วยให้เข้าใจล่วงหน้าได้ว่าการเคลื่อนไหวปัจจุบันกำลังเริ่มอ่อนแรงหรือกำลังจะเร่งตัวขึ้นข้อเสียบางครั้งแยกเวดจ์ออกจากแพทเทิร์นอื่นที่คล้ายกันได้ยาก
ให้สัญญาณชัดเจนในจังหวะ breakout ที่ทิศทางเริ่มแน่นอนข้อเสียการ breakout อาจกลายเป็นสัญญาณหลอก และราคาย้อนกลับได้ หากปริมาณการเทรดไม่มากพอจะรักษาโมเมนตัม
ช่วยให้ตั้ง stop loss สั้นได้ เพราะปลายแพทเทิร์นแคบลงข้อเสียใช้เวลานานกว่าจะเกิดรูปแบบที่ชัดเจน ทำให้ต้องรอการยืนยัน
ช่วยหา “จุดเข้า” ได้ทั้งในจังหวะกลับตัวและจังหวะต่อเนื่องข้อเสียในตลาด sideway แพทเทิร์นเวดจ์มัก “เสียทรง” และไม่ให้สัญญาณที่ชัดเจน
เป้าหมายกำไรคำนวณได้ง่ายจากความสูงของเวดจ์ข้อเสียบางครั้งความสูงของแพทเทิร์นมีไม่มาก ทำให้ศักยภาพการเคลื่อนไหวของราคาจำกัด

คุณเคยเจอแพทเทิร์นเหล่านี้ไหม? เคยลองใช้เทรดจริงหรือเปล่า? ผลลัพธ์เป็นอย่างไร มาแชร์ประสบการณ์กันด้านล่างได้เลย!

เนื้อหานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลและการศึกษาเท่านั้น และไม่ถือเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือทางกฎหมาย

ให้คะแนนบทความ

โพสต์ก่อนหน้านักวิเคราะห์ระบุว่าบิทคอยน์ต้องรักษาแนวรับสำคัญเพื่อป้องกันการร่วงลงสู่ $76K
โพสต์ถัดไปนักลงทุนญี่ปุ่นกำลังถอนตัวจากคริปโต และนี่คือเหตุผล

หากคุณมีคำถาม กรุณาฝากข้อมูลติดต่อไว้ แล้วเราจะติดต่อกลับหาคุณ

banner

ทำให้การเดินทางสู่ Crypto ของคุณง่ายขึ้น

อยากเก็บ ส่ง รับ เดิมพัน หรือซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีใช่ไหม? Cryptomus ทำได้ทุกอย่าง — สมัครและจัดการกองทุนคริปโทเคอร์เรนซีของคุณด้วยเครื่องมืออันแสนสะดวกของเรา

เริ่มต้นใช้งาน

banner

ความคิดเห็น

0