Ethereum vs Solana: การเปรียบเทียบฉบับสมบูรณ์

ในโลกของเทคโนโลยี blockchain สองชื่อที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ Ethereum และ Solana ทั้งสองเป็นระบบนิเวศคริปโทเคอร์เรนซีที่มีข้อได้เปรียบในการดึงดูดนักลงทุน แต่ในขณะเดียวกันการแข่งขันก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แล้วเครือข่าย Ethereum และ Solana แตกต่างกันอย่างไร? ในคู่มือนี้ เราจะวิเคราะห์แบบรอบด้านและให้คำตอบเชิงลึกสำหรับคำถามนี้

Ethereum (ETH) คืออะไร?

Ethereum เปิดตัวในปี 2015 เพื่อรองรับแอปแบบกระจายศูนย์จำนวนมาก ปัจจุบันระบบนิเวศนี้ถูกใช้งานทั้งในโลก DeFi และ NFT ทั้งหมดนี้ขับเคลื่อนด้วย smart contracts ที่ทำให้ธุรกรรมเป็นอัตโนมัติและโปร่งใสมากขึ้น

สินทรัพย์บนบล็อกเชน Ethereum คือเหรียญชื่อเดียวกันตัวย่อ ETH ซึ่งใช้จ่ายเป็น gas fees สำหรับธุรกรรม เดิมค่าธรรมเนียมนี้ถูกมองว่าสูง แต่การเปลี่ยนกลไกจาก Proof-of-Work (PoW) ไปเป็น Proof-of-Stake (PoS) ช่วยปรับปรุงความสามารถในการขยายระบบและการใช้พลังงาน ทำให้ต้นทุนลดลง ด้วยเหตุนี้ รวมถึงตัวเลือกความปลอดภัยที่สูง Ethereum จึงดึงดูดการลงทุนจำนวนมาก ส่งผลให้มูลค่ารวมเพิ่มขึ้น

Solana (SOL) คืออะไร?

Solana เป็นอีกแพลตฟอร์มสำหรับ NFTs และ dApps สร้างขึ้นในปี 2017 เพื่อแก้ปัญหา scalability ที่บล็อกเชนอื่นๆ (โดยเฉพาะ Ethereum) เผชิญ ซึ่งเกิดจากความสนใจในคริปโตที่เพิ่มขึ้นจนทำให้เครือข่ายแออัดและมีแบนด์วิดท์ต่ำ Solana ใช้วิธีการทางเทคนิคเพื่อแก้โจทย์เหล่านี้

เครื่องมือหลักของเครือข่าย Solana คือกลไก Proof-of-History (PoH) ที่ช่วยปรับปรุง scalability ด้วยเหตุนี้ ธุรกรรมบนเครือข่ายจึงทำได้เร็วมาก และค่าธรรมเนียมที่จ่ายด้วยเหรียญ Solana (SOL) ก็ต่ำเมื่อเทียบกับ Ethereum ข้อได้เปรียบนี้ทำให้บล็อกเชน Solana เป็นผู้ท้าชิงสำหรับ dApps ที่ต้องการความถี่สูง

Ethereum vs Solana: ความแตกต่างหลัก

ทั้ง Ethereum และ Solana เป็นบล็อกเชนยอดนิยมสำหรับนักลงทุนเพราะมีแอปที่เชื่อมต่ออยู่จำนวนมาก ในเวลาเดียวกัน ทั้งคู่ก็มีความแตกต่างหลายประการที่ส่งผลต่อการทำงานของเครือข่าย มาดูรายละเอียดกัน

ความเป็นผู้ใหญ่ของระบบนิเวศ (Ecosystem Maturity)

ทั้งสองเครือข่ายต่างกันแม้กระทั่งอายุ: Ethereum แก่กว่า Solana 2 ปี แม้ช่องว่างจะไม่มาก แต่ Ethereum เป็นเครือข่ายหลักของแอป DeFi รายใหญ่ (เช่น MakerDAO และ Uniswap) ตลาด NFT ที่ได้รับความนิยมที่สุดจำนวนมากก็สร้างบน Ethereum เช่นกัน

ในทางกลับกัน Solana ยังเป็นรอง Ethereum ในเกณฑ์ “ความเป็นผู้ใหญ่” และถือว่ายังอยู่ในช่วงเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม Solana ก็กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และมี dApps หลายตัวแล้ว เครือข่ายมีแนวทางโปรโมตของตนเอง เช่น ดึงดูดนักพัฒนาด้วยกลยุทธ์การตลาด (เช่น hackathons)

กลไกฉันทามติ (Consensus Mechanism)

ดังที่กล่าวไป เครือข่าย Ethereum เปลี่ยนจาก PoW มาเป็น PoS เพราะ PoS เร็วกว่าในเชิงความเร็วการประมวลผลธุรกรรม ทั้งยังถูกมองว่ากระจายศูนย์และปลอดภัยกว่า PoS ช่วยให้ยืนยันธุรกรรมได้มากขึ้น และที่สำคัญคือช่วยลดการใช้พลังงาน

Solana ก็ใช้ PoS ร่วมกับกลไกเฉพาะอย่าง PoH ที่ “ตรึงเวลา” ของธุรกรรม ช่วยให้ blockchain validators เห็นพ้องในลำดับธุรกรรมได้โดยไม่ต้องสื่อสารกันอย่างหนาแน่น จึงเร่งกระบวนการได้ Solana จึงเป็นเครือข่ายที่ปลอดภัยด้วย PoS และทำงานเร็วขึ้นด้วย PoH

ความเร็วธุรกรรม (Transaction Speed)

นี่คือความแตกต่างสำคัญอย่างหนึ่ง หลังอัปเกรดเป็น PoS Ethereum ประมวลผลได้ราว 20–30 ธุรกรรมต่อวินาที (TPS) ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าตัวเลขนี้อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต

Solana แตกต่างอย่างมากในเกณฑ์นี้ โดยประมวลผลได้ราว 50,000 TPS หรือมากกว่า ความสามารถนี้ทำให้ Solana เป็นหนึ่งในบล็อกเชนที่เร็วที่สุดในวงการคริปโต

ความต่างด้านความเร็วนี้สะท้อน “ลำดับความสำคัญ” ที่ต่างกัน: Ethereum ให้ความสำคัญกับการกระจายศูนย์ ขณะที่ Solana เน้นแบนด์วิดท์สูง

ค่าธรรมเนียม (Fees)

ก่อนทำธุรกรรมบนบล็อกเชนใดๆ ควรทราบค่าธรรมเนียม Solana ได้เปรียบกว่า Ethereum เพราะมีแบนด์วิดท์และความเร็วสูง เช่น ค่า gas เฉลี่ยบน Ethereum ประมาณ 2 gwei คิดเป็นราว 0.17 ดอลลาร์ ส่วนค่าคอมมิชชั่นบน Solana อยู่เพียง 0.0001 SOL ต่อธุรกรรม คิดเป็นราว 0.01 ดอลลาร์สหรัฐ

ความแตกต่างจะชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อพิจารณา block time และขนาดบล็อก Ethereum มี block time 13 วินาที และขนาดบล็อก ~70 ธุรกรรม ขณะที่ Solana มี block time 0.4 วินาที และขนาดบล็อก ~20,000 ธุรกรรม

Ethereum vs Solana: Use Cases

ทั้งสองเครือข่ายถูกใช้งานอย่างจริงจังในด้าน DeFi, NFT และ Web3 gaming แต่แต่ละบล็อกเชนทำงานต่างกันในพื้นที่เหล่านี้ มาดูตัวอย่าง use case ของทั้งสองกัน

DeFi (Decentralized Finance)

• Ethereum: แพลตฟอร์มช่วยให้กู้ ยืม แลกเปลี่ยน หรือรับคริปโตได้โดยไม่ต้องมีตัวกลาง โปรโตคอลให้กู้ยืม (Aave) และ DEX (Uniswap) ช่วยขับเคลื่อน
• Solana: โปรเจกต์อย่าง margin trading (Mango Markets), automated market makers (Raydium) และอื่นๆ เลือกใช้เครือข่ายนี้ ความต่างจาก Ethereum คือ “ต้นทุนต่ำกว่า” แต่ “ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยสูงกว่า”

NFT (Non-Fungible Tokens)

• Ethereum: ตลาด NFT บน Ethereum (เช่น OpenSea) ส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับงานศิลป์ดิจิทัลและคอลเลกชัน หลายโปรเจกต์มีปริมาณการซื้อขายสูง
• Solana: โปรเจกต์ NFT บน Solana (เช่น Okay Bears) ก็ทำปริมาณซื้อขายได้สูง และบางช่วงทัดเทียม Ethereum

Web3 Gaming

• Ethereum: ในด้านนี้ Axie Infinity มีชื่อเสียงจากโมเดล “เล่นเพื่อสร้างรายได้” โดยใช้ ETH เป็นสินทรัพย์ในเกม อย่างไรก็ตาม ใน วงการเกม เครือข่ายแทบหยุดชะงักเพราะค่าธรรมเนียมสูงและปัญหา scalability
• Solana: เกมบน Solana ลื่นไหลและเข้าถึงง่าย เพราะความเร็วสูงและค่าธรรมเนียมต่ำ เช่น Star Atlas ที่สร้างสภาพแวดล้อมเกมที่ภาพสวยงามบนบล็อกเชน

Ethereum vs Solana: การเปรียบเทียบแบบตัวต่อตัว

ตอนนี้คุณรู้ความแตกต่างหลักและ use case ของทั้งสองเครือข่ายแล้ว ต่อไปนี้คือรายละเอียดอื่นๆ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เรารวบรวมไว้ในตารางด้านล่างเพื่อความสะดวก

Ethereum vs Solana: ควรซื้ออะไรดีกว่า?

ทั้ง Ethereum และ Solana ต่างมีศักยภาพด้านการพัฒนาแพลตฟอร์มและผลตอบแทน Ethereum มีปริมาณซื้อขายสูง จึงแพร่หลายและมักถูกมองว่าปลอดภัยกว่า ขณะเดียวกัน ความเร็วในการประมวลผลที่ช้ากว่าและค่าธรรมเนียมสูงคือปัญหาหลัก

ฝั่ง Solana โดดเด่นเรื่องแบนด์วิดท์สูงเพราะถูกออกแบบมาเพื่อสิ่งนี้ ค่าธรรมเนียมก็ต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ดี เครือข่ายยังไม่ “แก่จัด” เท่า จึงมีคำถามเรื่องการกระจายศูนย์และความปลอดภัย ถึงกระนั้น ความก้าวหน้าและทางแก้เชิงปฏิบัติของ Solana ต่อปัญหาที่ Ethereum เผชิญ ก็ทำให้ Solana มีแต้มต่อและโอกาสก้าวขึ้นนำในระยะยาว

เมื่อต้องเลือกบล็อกเชนสำหรับใช้งานและเหรียญสำหรับลงทุน ให้โฟกัสตามลำดับความสำคัญและความชอบของคุณ เฝ้าติดตามตลาดคริปโตเพื่อเลือกช่วงเวลาที่เหมาะแก่การลงทุนเพิ่มเติม และเพื่ออัปเดตข่าวสารล่าสุดพร้อมเรียนรู้การใช้งานคริปโตอย่างมีประสิทธิภาพ อ่าน บล็อก Cryptomus ซึ่งมีคู่มือและบทความที่เป็นประโยชน์มากมาย