
ปริมาณรวมของ Bitcoin: ยังเหลืออีกกี่เหรียญให้ขุด
ปัจจุบัน Bitcoin ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการจำกัดจำนวนเหรียญและมูลค่าต่อเหรียญที่สูง ถือเป็นคริปโทเคอร์เรนซีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาด ขณะนี้มีอยู่แล้ว 19,732,151 BTC และราคาสูงสุดตลอดกาลของ Bitcoin อยู่ที่ $73,700 ต่อเหรียญ (14 มีนาคม) แต่ Bitcoin มีจำนวนอยู่แล้วเท่าไร และยังเหลืออีกกี่เหรียญที่ยังไม่ได้ถูกขุด? ในบทความนี้เราจะพูดถึงปริมาณรวมของเหรียญดิจิทัลเชิงปฏิวัติ, รายละเอียดของกระบวนการขุด และความสำคัญของ Bitcoin ต่ออนาคตของตลาดทั้งหมด
ธรรมชาติของ Bitcoin
ก่อนอื่น มาดูคำจำกัดความ: Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่อนุญาตให้มีการทำธุรกรรมระหว่างผู้ใช้โดยไม่ต้องมีคนกลาง เหรียญ Bitcoin ไม่ได้มีในรูปแบบธนบัตรจริง แต่ละเหรียญมีคีย์เข้ารหัสเฉพาะตัวที่เจ้าของเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้ เนื่องจากระบบทำงานด้วยรหัสวิทยาการเข้ารหัสลับ (cryptography) ทำให้ใคร ๆ ก็สามารถส่งและรับเงินดิจิทัลได้อย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว
Bitcoin เหรียญแรกถูกสร้างขึ้นในปี 2009 โดยบุคคลนิรนาม หรืออาจเป็นกลุ่มคนที่ใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto ขณะเขียน origin code Satoshi ได้กำหนดวิธีการจำกัดจำนวนการขุดไว้สูงสุดที่ 21 ล้านเหรียญ
ข้อได้เปรียบหลักของ Bitcoin เมื่อเทียบกับเหรียญที่ออกได้ไม่จำกัดคือ Bitcoin มีคุณค่ามากกว่า และมีศักยภาพที่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อจำนวนเหรียญที่เหลือให้ขุดลดน้อยลง
การขุด Bitcoin ทำงานอย่างไร?
Bitcoin ถูกสร้างขึ้นผ่านกระบวนการที่เรียกว่า mining เพื่อยืนยันและเพิ่มธุรกรรมเข้าไปใน blockchain นักขุดต้องแก้สมการคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน โดยนักขุดจะแข่งขันกันเพื่อหาคำตอบที่ถูกต้องของปริศนาการเข้ารหัส ขณะนี้มีนักขุด Bitcoin ประมาณ 1 ล้านคนทั่วโลก และมักจะใช้คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย เมื่อ block ใหม่ถูกเพิ่มเข้า blockchain นักขุดที่แก้ปริศนาได้ก่อนจะได้รับรางวัลเป็น Bitcoin
อัลกอริทึม Proof-of-Work (PoW) เป็นพื้นฐานของความปลอดภัยในเครือข่าย Bitcoin และตัวเลข 21 ล้านเหรียญก็เป็นกุญแจสำคัญเช่นกัน การจำกัดจำนวนเหรียญช่วยกระตุ้นให้มีการขุดและรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย เพราะมีรางวัลจูงใจแน่นอน
อุปทานของ Bitcoin ถูกควบคุมด้วยกลไกที่เรียกว่า halving ประมาณทุก 4 ปี รางวัลจากการขุด block ใหม่จะถูกลดลงครึ่งหนึ่ง ทำให้การสร้าง Bitcoin ใหม่ช้าลง ตอนแรกเมื่อ Bitcoin ถือกำเนิดขึ้นจะมีรางวัล 50 BTC ต่อ block หลังจาก 4 ปีเหลือ 25 BTC ต่อ block จากนั้น 12.5 BTC, 6.25 BTC และล่าสุดในเดือนเมษายน 2024 halving ครั้งที่ 4 เกิดขึ้น ทำให้รางวัลลดเหลือ 3.125 BTC ต่อ block การออกเหรียญจึงช้าลงเรื่อย ๆ
เราได้ทำบทวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับกระบวนการ halving ของ Bitcoin ไว้แล้ว คุณสามารถอ่านบทความ ที่นี่

ตอนนี้มี Bitcoin อยู่กี่เหรียญในโลก?
ปัจจุบันมีการขุด Bitcoin แล้วประมาณ 19.44 ล้านเหรียญ ตัวเลขนี้นับตั้งแต่การเปิดตัว Bitcoin ในปี 2009 แต่ยังมี 2,488,817 BTC อยู่บน exchange อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่า Bitcoin ทั้งหมดจะถูกใช้งานในตลาดจริง
อย่างที่กล่าวไป ข้อได้เปรียบหลักของ Bitcoin คืออุปทานที่จำกัด ทำให้มันเป็น สินทรัพย์แบบ deflationary หมายความว่า เมื่อความต้องการเพิ่มขึ้นในขณะที่อุปทานลดลง มูลค่าของ Bitcoin ก็จะสูงขึ้น ต่างจากเงิน fiat ที่มีโอกาสเผชิญกับเงินเฟ้อ อุปทานจำกัดของ Bitcoin ทำให้มันมีคุณสมบัติ deflationary และดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการป้องกันเงินเฟ้อและความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ
หลักเศรษฐศาสตร์ที่ใช้แนวคิดของ ความขาดแคลน (scarcity) คือพื้นฐานของการจำกัด 21 ล้านเหรียญ การจำกัดอุปทานนี้หมายความว่ามูลค่าของแต่ละเหรียญมีโอกาสเพิ่มขึ้น โดยสามารถอธิบายผ่านสูตรเศรษฐศาสตร์: “ราคาของ Bitcoin จะสูงขึ้นเมื่อความต้องการเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณอุปทานคงที่”
จนถึงตอนนี้มีการขุดแล้วประมาณ 92.5% ของอุปทาน Bitcoin ทั้งหมด ทำให้เหลืออีกเพียงราว ๆ 1.56 ล้านเหรียญให้ขุด และเพราะ halving จะเกิดขึ้นทุก ๆ 4 ปีจนกว่าจะถึงขีดจำกัด 21 ล้านเหรียญ นักวิจัยคาดว่าภายในปี 2140 เมื่อ block สุดท้ายถูกขุด เหรียญทั้งหมดก็จะเข้าสู่ระบบครบถ้วน
ประวัติของปริมาณรวม Bitcoin
block แรกของ Bitcoin ที่รู้จักกันในชื่อ Genesis Block ถูกขุดโดย Satoshi Nakamoto เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2009 โดยมีอุปทานสูงสุดกำหนดไว้ 21 ล้านเหรียญ Block แรกนี้ให้รางวัล 50 BTC และถือเป็นจุดเริ่มต้นของเครือข่าย Bitcoin ทั่วโลก
ในปีแรก (2009) มีการขุดแล้วกว่า 1.1 ล้าน BTC และภายในปี 2010 ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 3,396,000 BTC
ในยุคแรก ๆ การขุดทำได้ง่ายกว่าและรางวัลสูง โดย 210,000 block แรกให้รางวัล 50 BTC ต่อ block ช่วงการแจกเหรียญครั้งแรกนี้สำคัญมากต่อการสร้างเครือข่ายและดึงดูดผู้ใช้กลุ่มแรก
แนวคิดของการจำกัดอุปทานไม่ใช่เรื่องใหม่ในโลกการเงิน ทองคำก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่มีอุปทานจำกัดและใช้เก็บมูลค่า Bitcoin เองก็ถูกออกแบบมาให้มี supply จำกัดเช่นกัน ซึ่งถูก hard-code ไว้ในโปรโตคอลตั้งต้น ทำให้อุปทานของ Bitcoin โปร่งใสและคาดการณ์ได้ ต่างจากนโยบายการเงินของธนาคารกลาง
Bitcoin ที่สูญหายมีเท่าไร?
Lost Bitcoins คือ Bitcoin ที่ไม่สามารถเข้าถึงหรือใช้งานได้อีกต่อไป BBC ประเมินว่ามี Bitcoin สูญหายไปกว่า 4 ล้าน BTC (ประมาณ $68 พันล้าน ณ อัตราแลกเปลี่ยนปี 2024) ซึ่งเป็นตัวเลขมหาศาลและสะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงหากผู้ใช้ไม่เข้าใจกฎพื้นฐานของการเก็บสินทรัพย์ดิจิทัล
Bitcoin ที่หายไปจะทำให้อุปทานในตลาดลดลง ส่งผลให้ราคาสูงขึ้น แม้ว่าดูเหมือนจะเป็นผลดีต่อนักลงทุน แต่ก็อาจทำให้ตลาดมีความเสี่ยงต่อการปั่นราคาและความผันผวนสูง
สาเหตุหลักของการสูญหายของ Bitcoin:
- สูญเสีย private key, password หรือ seed phrase ทำให้ไม่สามารถกู้การเข้าถึง wallet ได้
- การโจรกรรม (theft): หากคริปโตถูกขโมย จะไม่สามารถกู้คืนได้ เพราะธุรกรรมบน blockchain ไม่สามารถย้อนกลับได้ และมักถูกซ่อนผ่าน cryptomixer
- Exchange ล้มละลาย: กรณีนี้ผู้ใช้มักสูญเสียการเข้าถึงเงินทั้งหมด
- Inactive wallets: wallet ที่เก็บ Bitcoin ปริมาณมากแต่ไม่มีการเคลื่อนไหวนานหลายปี ซึ่งบ่งบอกได้ว่าเหรียญอาจถูกลืมหรือหายไป
Bitcoin ถูกขุดต่อวันกี่เหรียญ?
นักขุดผลิต Bitcoin ได้ประมาณ 450 BTC ต่อวัน โดยคำนวณได้ง่าย ๆ ดังนี้:
- ใน blockchain มี block ใหม่ถูกขุดทุก ๆ ~10 นาที
- ดังนั้นในหนึ่งวันจะมี block ใหม่ประมาณ 144 block
- รางวัลต่อ block ปัจจุบันคือ 3.125 BTC
- 3.125 × 144 = ~450 BTC
ตัวเลขนี้จะลดลงหลังจากแต่ละรอบ halving ทำให้การสร้าง Bitcoin ช้าลงเรื่อย ๆ นอกจากนี้ ทุก ๆ 2 สัปดาห์ ความยากของการขุด (mining difficulty) จะถูกปรับใหม่ เพื่อรักษาอัตราการผลิต block ให้คงที่ หากมีนักขุดเพิ่ม ความยากจะสูงขึ้น แต่ถ้ามีนักขุดลดลง ความยากก็จะต่ำลง
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ Bitcoin ทั้งหมดถูกขุดเสร็จ?
นักวิจัยคาดว่าในปี 2140 เมื่อ Bitcoin ทั้งหมดถูกขุดเสร็จ บทบาทของ Bitcoin จะยังคงเป็น store of value (ที่เก็บมูลค่า) มากกว่าจะถูกใช้ซื้อขายประจำวันเหมือนปัจจุบัน นักขุดยังคงทำกำไรได้จากค่าธรรมเนียมธุรกรรม
อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงที่ Bitcoin mining อาจไม่คุ้มค่าอีกต่อไป ซึ่งอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ เช่น:
- นักขุดรวมตัวเป็น cartel เพื่อควบคุมทรัพยากรและเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสูงขึ้น
- Selfish mining: ผู้เข้าร่วมบางรายอาจซ่อน block ใหม่ที่ค้นพบแทนที่จะเผยแพร่ ทำให้ธุรกรรมช้าลงและค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น
สรุป
Bitcoin ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนและผู้สนับสนุนทั่วโลกด้วยธรรมชาติแบบ deflationary และข้อจำกัดสูงสุดที่ 21 ล้านเหรียญ ซึ่งจะครบภายในปี 2140 บทบาทของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์เพื่อการออมมีแนวโน้มจะชัดเจนยิ่งขึ้นตามความหายากที่เพิ่มขึ้น
ขอบคุณที่ติดตาม! คุณคิดเห็นอย่างไรกับอุปทานรวมของ Bitcoin? แสดงความคิดเห็นไว้ในคอมเมนต์ได้เลย
ให้คะแนนบทความ




ความคิดเห็น
0
คุณต้องเข้าสู่ระบบเพื่อโพสต์ความคิดเห็น