ตลาดคริปโตฟื้นตัวแรงจากสัญญาณเชิงบวกด้านกฎระเบียบ

สกุลเงินดิจิทัลเริ่มฟื้นตัวหลังผ่านช่วงความผันผวน โดยเหรียญชั้นนำหลายตัวกลับมาเติบโตอีกครั้ง มูลค่าตลาดรวมเพิ่มขึ้น 6.8% เป็น 3.15 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ดัชนี Fear and Greed อยู่ที่ 22 จุด แสดงให้เห็นถึงความระมัดระวังของนักลงทุน ความคาดหวังเชิงบวกมาจากอัปเดตด้านกฎระเบียบในสหรัฐฯ และโอกาสการลดดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้น

การฟื้นตัวของเหรียญชั้นนำ

Bitcoin เป็นผู้นำตลาดในการดีดตัวขึ้น โดยราคาขยับจาก $84K ขึ้นไปเกิน $92.8K คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 7.3% นักวิเคราะห์ ชี้ ระดับ $86K ถึง $88K เป็นโซนแนวรับสำคัญ ซึ่งการยืนเหนือระดับนี้มีความสำคัญต่อแนวโน้มขาขึ้นในระยะต่อไป

สกุลเงินดิจิทัลชั้นนำอื่น ๆ ก็มีการเติบโตเช่นกัน:

  • Sui: +31.9%
  • Chainlink: +19.7%
  • Cardano: +14.8%
  • Hedera: +13.2%
  • Solana: +12.4%
  • Dogecoin: +11.4%
  • Shiba Inu: +10.4%
  • Bitcoin Cash: +9.6%
  • XRP: +9.4%
  • Ethereum: +9.2%
  • BNB: +8.2%

มูลค่าตลาดรวมกำลังเข้าใกล้แนวต้านที่ 3.16 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ 3.09 ล้านล้านดอลลาร์ทำหน้าที่เป็นแนวรับสำคัญ หากหลุดต่ำกว่า 3.05 ล้านล้านดอลลาร์อาจกดตลาดลงสู่โซน 2.93 ล้านล้านดอลลาร์หรือมากกว่านั้น

ปัจจัยด้านกฎระเบียบที่ช่วยผลักดันราคา

การเคลื่อนไหวด้านกฎระเบียบในสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนให้ตลาดฟื้นตัว ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยุติมาตรการลดสภาพคล่อง (Quantitative Tightening) ซึ่งช่วยลดแรงกดดันด้านเงินทุน อีกทั้งมีการพูดถึงการลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในสัปดาห์หน้า ส่งผลให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ผลสำรวจจาก Polymarket poll มูลค่ามากกว่า $212 ล้าน บ่งชี้ว่ามีโอกาสถึง 90% ที่จะมีการลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 50% ในเดือนพฤศจิกายน

นอกจากนี้ Fed ยังได้ อัดฉีดเงิน เข้าสู่ระบบธนาคารผ่าน Overnight Repo ประมาณ $13.5 พันล้านดอลลาร์ ถือเป็นครั้งที่สองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ยุคโควิด นักวิเคราะห์มองว่ามาตรการนี้รวมถึงสัญญาณเชิงบวกเกี่ยวกับ QE ช่วยทำให้ Bitcoin มีความน่าสนใจมากขึ้นในฐานะสินทรัพย์เสี่ยง

นักลงทุนกำลังจับตาการประชุม Fed ที่จะมีขึ้น โดยเทรดเดอร์คาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2025 ในอดีตตลาดมักตอบสนองอย่างรุนแรงต่อการประกาศของ FOMC โดยการปรับฐานระยะสั้นมักจะนำไปสู่การกลับตัวขึ้นที่แข็งแกร่งอีกครั้ง

การเข้ามาของสถาบันการเงินและกลไกตลาด

การที่สถาบันการเงินเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของตลาด Vanguard จะเริ่มเปิดให้ซื้อขาย ETF ที่เกี่ยวข้องกับคริปโต เช่น BTC, ETH, XRP และ SOL ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้นักลงทุนที่ระมัดระวังหลายล้านคนสามารถเข้าถึงตลาดได้ง่ายขึ้น นักวิเคราะห์ Eric Balchunas เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “The Vanguard Effect” โดยชี้ว่า Bitcoin ปรับขึ้น 6% ช่วงตลาดสหรัฐฯ เปิดหลังจากลูกค้า Vanguard เริ่มเข้ามาเทรด ETF

ภาคธุรกิจยังช่วยหนุนตลาดเช่นกัน ในช่วงตลาดอ่อนตัวที่ผ่านมา BitMine Immersion Technologies ได้เข้าซื้อ ETH มูลค่าเกือบ $70 ล้าน ส่งผลให้ถือครองรวมกว่า 3.7 ล้าน ETH ที่ราคาต้นทุนเฉลี่ย $3,008 ต่อเหรียญ การเข้าซื้อดังกล่าวสะท้อนความเชื่อมั่นต่อศักยภาพระยะยาวของสินทรัพย์นี้

อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลว่าการฟื้นตัวครั้งนี้อาจเป็นเพียง Dead-Cat Bounce หรือการดีดตัวสั้น ๆ ก่อนตลาดกลับลงอีก ตัวอย่างในอดีต เช่น การดีดตัวจาก $98,990 สู่ $107,276 ในเดือนพฤศจิกายน แสดงให้เห็นว่าตลาดสามารถกลับทิศได้อย่างรวดเร็ว การดีดขึ้นรอบนี้อาจเป็นไปในทิศทางคล้ายกันได้

แนวโน้มต่อจากนี้?

ตอนนี้ตลาดยังคงโฟกัสไปที่แนวรับ แนวต้าน คำแถลงของ Fed และกระแสเงินจากสถาบัน ระดับแนวรับมูลค่าตลาดรวมที่ 3.09 ล้านล้านดอลลาร์ และโซนราคา Bitcoin ที่ $86K–$88K ถือว่ามีความสำคัญ ขณะเดียวกันความชัดเจนด้านกฎระเบียบและการยอมรับขององค์กรธุรกิจอาจช่วยหนุนโมเมนตัมต่อไป แม้การฟื้นตัวล่าสุดจะสร้างความมั่นใจได้บ้าง แต่ตลาดคริปโตยังเปลี่ยนทิศได้รวดเร็ว การพักตัวเล็กน้อยอาจเกิดขึ้นก่อนการขยับครั้งใหญ่รอบถัดไป

เนื้อหานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลและการศึกษาเท่านั้น และไม่ถือเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือทางกฎหมาย

ให้คะแนนบทความ

โพสต์ก่อนหน้าTelegram และ xAI: เกิดอะไรขึ้นกับ Toncoin?
โพสต์ถัดไปอัตราส่วน Ethereum-to-Bitcoin ลดลงสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2020: ถึงเวลาที่ต้องกังวลหรือไม่?

หากคุณมีคำถาม กรุณาฝากข้อมูลติดต่อไว้ แล้วเราจะติดต่อกลับหาคุณ

banner

ทำให้การเดินทางสู่ Crypto ของคุณง่ายขึ้น

อยากเก็บ ส่ง รับ เดิมพัน หรือซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีใช่ไหม? Cryptomus ทำได้ทุกอย่าง — สมัครและจัดการกองทุนคริปโทเคอร์เรนซีของคุณด้วยเครื่องมืออันแสนสะดวกของเรา

เริ่มต้นใช้งาน

banner

ความคิดเห็น

0