Hyperliquid: กระดานซื้อขาย Perpetual DeFi และโทเค็น HYPE

Hyperliquid กำลังได้รับความสนใจในวงการ DeFi ด้วยกระดานซื้อขาย perpetual แห่งใหม่ที่สร้างบนบล็อกเชน HyperEVM แพลตฟอร์มนี้เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถซื้อขายสัญญา perpetual futures ได้โดยไม่ต้องครอบครองสินทรัพย์อ้างอิงจริง ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักเก็งกำไร

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการเติบโต แต่โทเค็นดั้งเดิมของ Hyperliquid อย่าง HYPE ก็เพิ่งประสบปัญหาราคาลดลง บทความนี้จะพาไปดูว่า Hyperliquid คืออะไร โทเค็น HYPE คืออะไร และอะไรคือปัจจัยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลงของราคาเมื่อไม่นานมานี้

Hyperliquid คืออะไร?

Hyperliquid เป็นกระดานซื้อขาย perpetual แบบกระจายศูนย์ (DEX) ที่สร้างขึ้นบน HyperEVM ซึ่งเป็นบล็อกเชนเลเยอร์ 1 ที่ถูกออกแบบเฉพาะเพื่อการซื้อขายที่รวดเร็วและหน่วงต่ำ แตกต่างจากกระดานซื้อขายแบบรวมศูนย์ทั่วไป Hyperliquid มอบความสามารถในการซื้อขายสัญญา perpetual futures ของคริปโต โดยไม่ต้องถือครองสินทรัพย์จริง โมเดลนี้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับนักเก็งกำไรที่ต้องการเดิมพันการเคลื่อนไหวของราคาโดยไม่จำเป็นต้องถือครองสินทรัพย์

คุณสมบัติเด่นของแพลตฟอร์มนี้คือสมุดคำสั่งซื้อขายแบบ on-chain ที่ทำให้การซื้อขายเป็นไปอย่างโปร่งใสแบบเรียลไทม์ ระบบนี้แก้ไขปัญหาที่พบบ่อยใน DEX เช่น ความหน่วงสูงและการจับคู่คำสั่งซื้อขายที่ไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การซื้อขายที่ราบรื่นและเชื่อถือได้ การผสานเทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้ Hyperliquid ก้าวใกล้ไปอีกขั้นในการเชื่อมโยงระหว่างการเงินแบบรวมศูนย์และแบบกระจายศูนย์

อธิบายโทเค็น HYPE

โทเค็น HYPE เป็น สกุลเงินดิจิทัลดั้งเดิม ของแพลตฟอร์ม Hyperliquid และมีบทบาทสำคัญในการทำงานของระบบ ด้วยปริมาณรวมทั้งหมด 1 พันล้านโทเค็น HYPE เป็นหัวใจหลักในด้านการกำกับดูแล การ staking และการทำธุรกรรมบนบล็อกเชน HyperEVM โทเค็นถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยจัดสรร 70% ของปริมาณทั้งหมดให้กับผู้ใช้ หมายความว่าชุมชนมีอิทธิพลอย่างมากต่อทิศทางของแพลตฟอร์ม

ผู้ถือโทเค็น HYPE มีสิทธิ์โหวตเกี่ยวกับการอัปเกรดและการเปลี่ยนแปลงของแพลตฟอร์ม ทำให้โทเค็นนี้เป็นหัวใจสำคัญของโมเดลการกำกับดูแลแบบกระจายศูนย์ของ Hyperliquid นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้ staking เพื่อรับรางวัล กระตุ้นให้ผู้ใช้ช่วยรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย แม้ว่าการทำธุรกรรมส่วนใหญ่ใน Hyperliquid จะไม่เสียค่าก๊าซ แต่ HYPE ยังคงจำเป็นสำหรับการทำงานขั้นสูง เช่น การโต้ตอบกับ smart contract หรือการใช้งาน dApps

Tokenomics ของ HYPE มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จในช่วงแรก โดยมีความต้องการเพิ่มขึ้นหลังจากการ airdrop ปัจจุบัน HYPE มีมูลค่าตลาดหลายพันล้านดอลลาร์ และยูทิลิตี้ของมันยังคงขยายตัวภายในระบบนิเวศ Hyperliquid ที่กำลังเติบโต

ความเคลื่อนไหวของราคา HYPE ล่าสุด

โทเค็น HYPE ที่เคยทำกำไรได้อย่างโดดเด่นในเดือนกุมภาพันธ์ กำลังเผชิญกับการร่วงลงของราคาอย่างมีนัยสำคัญ ขณะนี้ลดลง 6.22% ภายในวันเดียว และ 4.59% ในรอบสัปดาห์ โดยซื้อขายอยู่ที่ $13.58 ซึ่งถือเป็นการร่วงอย่างแรงจากจุดสูงสุดตลอดกาล $35.02 ในเดือนธันวาคม 2024 ที่พุ่งขึ้นกว่า 900% ภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือน

การร่วงนี้เกิดขึ้นหลังจากความขัดแย้งของโทเค็น JellyJelly (JELLY) เมื่อวันที่ 27 มีนาคม โดย Hyperliquid ได้ถอด JELLY ออกจากรายการซื้อขายหลังจากเกิดเหตุการณ์ปั่นราคาขึ้น การตัดสินใจดังกล่าวทำให้ความเชื่อมั่นสั่นคลอน มีเทรดเดอร์จำนวนมากถอนสินทรัพย์ออกจาก Hyperliquid ส่งผลให้ราคา HYPE ลดลงต่อเนื่อง

เหตุการณ์นี้แบ่งชุมชนคริปโตออกเป็นสองฝั่ง บางฝ่ายมองว่าการกระทำของเทรดเดอร์เป็นส่วนหนึ่งของความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ใน DeFi ขณะที่บางฝ่ายเชื่อว่าแพลตฟอร์มทำไปเพื่อปกป้องผู้ให้บริการสภาพคล่อง เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดข้อกังวลเรื่องความโปร่งใสและความเป็นกระจายศูนย์ของ Hyperliquid โดยหลายฝ่ายตั้งคำถามว่าการตัดสินใจเช่นนี้อาจทำลายความเชื่อมั่นของผู้ใช้ได้หรือไม่

ความขัดแย้งนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อ กระดานซื้อขาย และโทเค็น HYPE ซึ่งปัจจุบันราคาลดลง 61% จากจุดสูงสุด $35.02 บุคคลในอุตสาหกรรม เช่น Gracy Chen วิจารณ์การตอบสนองของ Hyperliquid โดยเปรียบเทียบกับการล่มสลายของ FTX และเรียกมันว่า “ไม่มีวุฒิภาวะ” และ “ไม่เป็นมืออาชีพ” ส่งผลให้เทรดเดอร์จำนวนมากหันไปใช้ DEX ที่โปร่งใสมากกว่า ทำให้อนาคตของ Hyperliquid ไม่แน่นอนและต้องดิ้นรนเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมา

บทสรุป

อย่างไรก็ตาม Hyperliquid ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่อายุน้อย และอนาคตของมันขึ้นอยู่กับการจัดการปัญหาเรื่องความโปร่งใสและความเสี่ยงด้านการรวมศูนย์ เสียงของชุมชนจะมีบทบาทสำคัญกว่าที่เคยในการกำหนดทิศทางของแพลตฟอร์ม

หาก Hyperliquid สามารถก้าวผ่านความท้าทายเหล่านี้และยังคงส่งมอบการซื้อขายที่โปร่งใสและรวดเร็วตามที่สัญญาไว้ มันอาจยังคงดึงดูดความสนใจของเทรดเดอร์ที่กำลังมองหาความได้เปรียบจาก DeFi ได้ต่อไป